อย่ามโน! ผลวิจัยบอก อ้วนแต่แข็งแรง ไม่มีอยู่จริง

ใครที่กำลังภูมิใจในความอวบอ้วน หรือไขมันที่เกาะพุงตัวเองอยู่ พลางปลอบใจตัวเองด้วยประโยคสุดฮิตว่า "ถึงจะอ้วน แต่เราจะเป็นคนอ้วนที่แข็งแรง" อยากให้คุณได้อ่านบทความที่เรานำมาฝากกันต่อไปนี้ รับรองว่าคุณจะต้องเปลี่ยนความคิดแทบไม่ทัน

เมื่อนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมของสหราชอาณาจักร เปิดเผยผลการศึกษาล่าสุดซึ่งชี้ว่า ความเชื่อเรื่องที่คนอ้วนอาจเป็นผู้มีสุขภาพแข็งแรงได้ หากไม่มีปัญหาด้านระบบเผาผลาญ เช่น มีความดันโลหิตหรือระดับน้ำตาลในเลือดในเกณฑ์ปกตินั้น ถือเป็นความเข้าใจที่ผิด!

จากผลการศึกษาและติดตามข้อมูลสุขภาพชาวอังกฤษจำนวน 3.5 ล้านคนเป็นเวลา 10 ปี โดยเลือกติดตามเฉพาะผู้ที่จัดว่าอ้วนโดยมีดัชนีมวลกาย (BMI) ตั้งแต่ 30 ขึ้นไปตั้งแต่เริ่มแรก และยังไม่มีอาการของโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ระดับคอเลสเตอรอลสูง หรืออาการของเบาหวานปรากฏ

นักวิจัยพบว่า คนกลุ่มนี้ มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการหัวใจวายหรือป่วยด้วยโรคหัวใจ รวมทั้งเกิดโรคหลอดเลือดสมองในช่วงหลายปีต่อมา เมื่อเทียบกับผู้ที่มีน้ำหนักปกติ แม้จะมีค่าตรวจวัดทางสุขภาพตามเกณฑ์ จนดูเหมือนว่ามีสุขภาพร่างกายโดยรวมดีก็ตาม


ซึ่งก็มีการนำเสนอผลวิจัยดังกล่าวในที่ประชุม ว่าด้วยปัญหาโรคอ้วนของยุโรป (European Congress on Obesity) แต่ยังไม่ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิชาการ โดยผลการวิจัยข้างต้น ขัดแย้งกับงานวิจัยชิ้นหนึ่งของมหาวิทยาลัยเซาท์แคโรไลนาในสหรัฐฯ ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2012 ซึ่งระบุว่า คนอ้วน สามารถจัดว่าเป็นผู้มีสุขภาพดีได้ หากไม่มีอาการผิดปกติของระบบเผาผลาญ

นอกจากนี้ งานวิจัยในอดีตบางชิ้นยังเคยมีการเสนอว่า คนที่มียีนพิเศษบางชนิดหรือมีการกระจายตัวของไขมันอย่างสม่ำเสมอทั่วร่างกายแบบไม่ลงพุง จะสามารถมีรูปร่างอ้วนและมีสุขภาพแข็งแรงไปพร้อมกันได้

อย่างไรก็ตาม มูลนิธิหัวใจแห่งสหราชอาณาจักรเตือนว่า ผลการวิจัยล่าสุดซึ่งศึกษาจากกลุ่มประชากรขนาดใหญ่ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า การลดน้ำหนักในกลุ่มคนอ้วนนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่ง แม้จะยังไม่มีอาการของโรคใดๆ ปรากฏก็ตาม ควรดูแลตนเองให้รับประทานอาหารในสัดส่วนพอเหมาะและออกกำลังกายสม่ำเสมอ

แม้ผลการศึกษาจากบรรดานักวิจัยจะแตกเป็นสองเสียงว่าคนอ้วนก็มีร่างกายแข็งแรงได้ ถ้าไม่มีโรคเสี่ยง แต่สิ่งที่ผลวิจัยจากทุกองค์กรสรุปเป็นเสียงเดียวกันคือ การมีสุขภาพตามเกณฑ์ 

ภาพจาก : www.freepik.com


ที่มา : www.bbc.com