สำหรับใครที่ชอบพูดคุยหรือปรึกษาเรื่องราวต่างๆ กับตัวเองอยู่บ่อยๆ (เราก็เป็น) จนบางครั้งก็มีสายตาจากคนรอบข้างตั้งคำถามว่า
นี่เธอคุยกับใครอยู่? เธอคุยกับตัวเองอีกคนเหรอ? ซึ่งหลายครั้งคุณเองก็รู้สึกว่า
นี่เราเป็นบ้ารึเปล่า?
หรือเราจะต้องไปหาหมอจริงๆ? เอาล่ะ อย่าเพิ่งสบประมาทตัวเองและไม่ต้องกลัวว่าจะโดนเอาตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลไหน เพราะหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด ชี้ให้เห็นแล้วว่า
การคุยกับตัวเอง เป็นสัญญาณอย่างหนึ่งของอัจฉริยะ และมีส่วนช่วยทำให้เราฉลาดขึ้นจริงๆ!!
โดยผลทีมนักวิจัยจาก
Bangor University ในสหราชอาณาจักร ได้ทำการทดลองอาสาสมัครจำนวน 28 คน เพื่อดูความแตกต่างระหว่าง การพูดกับตัวเองแบบออกเสียงและการพูดกับตัวเองแบบไม่ออกเสียง ซึ่งทีมวิจัยได้ทำการทดสอบโดยให้อาสาสมัครทั้ง 28 คน อ่านหนังสือออกมาเป็นเสียงดังฟังชัด สลับกับการอ่านหนังสือแบบเงียบๆ ผลปรากฎว่า
ทั้งสมาธิและความสามารถของอาสาสมัครทั้ง 28 คน จะทำงานได้ดีขึ้นจริงจากการอ่านหนังสือแบบเสียงดังฟังชัด มากกว่าการอ่านหนังสือแบบเงียบๆ
Mari Beffa หนึ่งในผู้ดำเนินการวิจัยได้กล่าวถึงผลการศึกษาเพิ่มเติมว่า…‘จากผลทดสอบของเราชี้ให้เห็นว่า มนุษย์เราทุกคนจะมีระดับสมาธิ ความตั้งใจ และขีดความสามารถเพิ่มมากขึ้น เมื่อคนๆ นั้นพูดออกเสียงดังฟังชัดกับตัวเอง ยกตัวอย่างเช่นกรณีของนักกีฬาเทนนิส ในระหว่างการแข่งขันเรามักจะสังเกตเห็นนักกีฬาพูดกับตัวเองด้วยเสียงดัง โดยเฉพาะในช่วงที่การแข่งขันเป็นไปอย่างสูสี ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้มันก็ช่วยทำให้เขามีสมาธิจดจ่อกับการทำสิ่งนั้นๆ เพิ่มมากขึ้นจริง’
นอกจากนักวิจัยจะค้นพบว่าพฤติกรรมดังกล่าวช่วยทำให้เรามีประสิทธิภาพในการจดจ่อสิ่งนั้นๆ มากขึ้นแล้ว พวกเขายังค้นพบอีกว่า
แม้แต่การพูดคุยกับตัวเองในระดับที่ไม่ได้เปล่งเสียงออกมา (พูดในใจหรือในหัว) ก็เป็นอีกคุณสมบัติสำคัญของมนุษย์ ที่ช่วยทำให้เราควบคุมตนเองให้อยู่ร่วมกันในสังคมได้เช่นเดียวกัน สรุปคือ เราทุกคนเคยพูดหรือได้ยินเสียงในหัวตัวเองอยู่ตลอดเวลา แล้วมันจะแปลกอะไรล่ะ ถ้าจะพูดมันออกมาดังๆ บ้าง? นักวิจัยก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราไม่ได้บ้า แถมช่วยให้เราฉลาดและมีสมาธิมากขึ้นกว่าเดิมด้วยนะ
ที่มา :
theconversation.com
metro.co.uk