THE FUTURE OF SKILLS มนุษย์ต้องพัฒนาทักษะอะไร ถ้าอยากมีงานทำในอนาคต?
จากบทความที่เราเคยนำเสนอเกี่ยวกับ
" 12 กลุ่มอาชีพที่ AI อาจจะมาแย่งงานคนในอนาคต " บวกกับช่วงปีที่ผ่านมา สื่อและองค์กรต่างๆ ทั่วโลกก็พากันนำเสนอข้อมูลและผลกระทบของเจ้าเทคโนโลยี AI ซึ่งทำให้หลายๆ เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตในสายงานของตัวเองหรือลูกหลาน ซึ่งไม่ใช่เพียงระบบอัตโนมัติหรือ AI เท่านั้นที่จะมาแย่งงานในอนาคต เทรนด์อื่นๆ ของโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงก็ล้วนมีผลต่อหน้าที่งานการของเราในอนาคตเหมือนกัน
คำถามคือ
แล้วเราจะต้องทำยังไง หากเรายังอยากมีงานทำในอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า? และอาชีพแบบไหนที่จะไม่เสี่ยงตกงานหรือโดนหุ่นยนต์แย่งงาน บทความนี้เรามี
คู่มือเตรียมตัวสำหรับอนาคต ข้อสรุปที่คาดการณ์เกี่ยวกับอาชีพใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น และที่สำคัญ มนุษย์เราควรจะพัฒนาทักษะอะไร ถ้ยังอยากมีงานทำในอนาคต มาฝากกัน
จากรายงานที่ชื่อว่า
‘The Future of Skills : Employment in 2030’ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง Nesta องค์กรเพื่อสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมของสหราชอาณาจักร กับ Oxford Martin School ของสหรัฐอเมริกา โดยไม่ได้ดูแค่การแทนที่ของระบบอัตโนมัติเท่านั้น แต่ยังดูเทรนด์ของโลกอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี กระแสโลกาภิวัตน์ การเปลี่ยนแปลงทางประชากร การขยายตัวของเมือง ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม โอกาสทางสังคมและความเสมอภาค นโยบายและความผันผวนทางการเมือง
ซึ่งรายงานสรุปว่าอาชีพที่จะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติจะเป็นงานประเภทที่มีลักษณะซ้ำๆ ในฝั่งสหรัฐฯ คือ อาชีพช่างไม้ ช่างพิมพ์ ช่างเหล็ก เสมียน อาชีพขายปลีก หรืออาชีพบริการลูกค้าในอุตสาหกรรมบันเทิง ในส่วนของสหราชอาณาจักร คืออาชีพในสายงานด้านการผลิตในอุตสาหกรรมที่จะหดตัวลงชัดเจน
ส่วน
อาชีพที่น่าจะอยู่รอดได้ ทั้งในวันนี้และอนาคตต่อไป จะเป็นงานที่ต้องอาศัย
ความคิดสร้างสรรค์และทักษะทางสังคม อย่างในตลาดแรงงานในสหรัฐฯ ประเมินว่าอาชีพด้านการศึกษา อาชีพผู้ดูแล (Personal Care) Sales Engineer และนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์ น่าจะมีอนาคตที่สดใส ส่วนฝั่งของสหราชอาณาจักรก็คล้ายกัน คือ
อาชีพด้านสาธารณสุขและการศึกษา อาชีพที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ การออกแบบ ดิจิทัล และวิศวกรรม ก็ยังมีแนวโน้มจะไปได้ดี แถมยังคาดว่า
ในอนาคตจะมีอาชีพเกิดใหม่ เช่น นักให้คำปรึกษาผู้มีอายุเกิน 100 ปี (100 Year Counselor) หรือนักออกแบบประสบการณ์ (Immersive Experience Designer) เกิดขึ้นอีกด้วย
และอีกสิ่งที่น่าสนใจและเราน่าจะเอาไปปรับใช้กันได้จากรายงานฉบับนี้ คือ ทักษะที่ได้รับการประเมินมาแล้วว่าจำเป็นและเป็นทักษะที่มนุษย์เราควรจะพัฒนา หากว่าเรายังอยากมีงานทำในอนาคต ดังนี้
1) กลยุทธ์การเรียนรู้ (Learning strategies) สามารถเอาข้อมูลใหม่ๆ มาใช้ในการตัดสินใจและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต
2) ความมีเอกลักษณ์ (Originality) เสนอไอเดียที่แตกต่างจากที่มีอยู่ได้ หรือคิดหาวิธีการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์และเปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยมีมา
3) การคิดไอเดียใหม่ๆ (Fluency of ideas) อันนี้จะเน้นเรื่องของปริมาณของไอเดียใหม่ๆ ที่สามารถนำเสนอได้ อาจจะไม่จำเป็นต้องถูกต้องหรือใช้ได้เสมอไป
4) การเรียนรู้แบบ Active Learning คือรู้จักเลือกใช้วิธีการเรียนการสอนที่เหมาะกับสถานการณ์ และมีส่วนร่วมในการเรียนรู้/การสอนสิ่งใหม่ๆ
นอกจากนี้ ทักษะอื่นที่เราจำเป็นต้องเรียนรู้ในอันดับต้นๆ ก็อย่างเช่น ทักษะด้านจิตวิทยา, การอธิบาย (Instructing), ความเข้าใจสังคม (Social Perceptiveness), สังคมศาสตร์และมานุษยวิทยา, การศึกษาและการฝึกฝน, การประสานงาน, การตัดสินใจ, การประเมินและวิเคราะห์ระบบ, การใช้เหตุผล, การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน และการเฝ้าสังเกตการณ์ (Monitoring)
ซึ่งถ้ามองภาพรวมแล้ว ทักษะเหล่านี้เป็นทักษะกว้างๆ เป็น
Soft Skills ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้กับหลายๆ อย่าง หรือ
Meta-skills ที่ต่อยอดไปเพื่อเรียนรู้ทักษะอื่นๆ ได้ ที่สำคัญน่าจะตอบโจทย์กับโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่แทบจะตลอดเวลามากกว่า ‘ต่อไปในอนาคต AI อาจจะมาแย่งงานคน’ เราน่าจะยังคงได้ยินได้เห็นเรื่องราวประมาณนี้ต่อไป แต่อยู่ที่เราแล้วล่ะว่า เราจะพัฒนาทักษะตัวเองตามที่ ‘คู่มือเตรียมตัวสำหรับอนาคต’ แนะนำไว้หรือไม่
ที่มา :
www.nesta.org.uk
www.brandbuffet.in.th
www.bangkokbiznews.com
thematter.co
futureskills.pearson.com