การพัฒนาหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์จากนานาประเทศทั่วโลกนั้นก้าวล้ำ และทำให้โลกเราเข้าใกล้คำว่า
“ยุคหุ่นยนต์” มากขึ้นไปทุกวัน จนพูดได้ว่ามนุษย์ทำงานอย่างเราๆ กำลังถูกถ้าทายด้วยสิ่งที่เราประดิษฐ์ขึ้นมาก็ไม่ผิด เมื่อหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ไม่ต่างจากมนุษย์ มีความอดทนหรือทนทาน สามารทำงานแทนคนได้ยาวนานกว่า
แล้วมนุษย์เราไม่สามารถพัฒนาตัวเองให้ดีกว่า แน่นอนว่าเราจะตกงานและถูกแทนที่ด้วย AI ทันที อย่างเช่นข่าวนี้
บริษัทประกันภัย ฟุโคคุ มิวชวล ไลฟ์ (Fukoku Mutual Life Insurance Company) ในประเทศญี่ปุ่น
ปลดพนักงานทั้งแผนก จำนวน 34 คนออกจากงาน โดยจะนำปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เข้ามาทำงานแทน โดยระบบ AI ดังกล่าว
สำนักข่าว Mainichi Japan รายงานว่าเป็นผลงานของ
บริษัทไอบีเอ็ม เจแปน (IBM Japan) ซึ่งมีชื่อว่า
“Watson” ผู้ผลิตกล่าวว่า “Watson” มีความสามารถในการคิดได้เหมือนมนุษย์ สามารถวิเคราะห์และตีความข้อมูลในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อความที่ไม่ได้มีการจัดระเบียบไว้ก่อน ภาพ เสียง หรือวิดีโอ
ทางบริษัทฟุโคคุ ระบุว่า จะใช้ AI ในการรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นเพื่อคำนวณเงินที่จ่ายให้กับผู้เอาประกันภัยโดยอัตโนมัติ ซึ่ง AI จะอ่านข้อมูลใบรับรองแพทย์ รวมทั้งข้อมูลทางการแพทย์อื่น ๆ ของผู้ถือกรมธรรม์ เช่นข้อมูลการผ่าตัดและการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยทางบริษัทเชื่อว่า
การตัดสินใจดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขึ้นได้ถึง 30% และลดค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นเงินเดือนของพนักงานได้ถึง 140 ล้านเยนต่อปี บริษัทจะลงทุนนำปัญญาประดิษฐ์ที่มีมูลค่าราว 200 ล้านเยน มาติดตั้งไว้ในสำนักงานภายในปี 2017 นี้ ซึ่งค่าติดตั้งและบำรุงรักษาปัญญาประดิษฐ์อยู่ที่ 15 ล้านเยนต่อปี
โดยสำนักข่าว Mainichi Japan รายงานเพิ่มเติมอีกว่า ขณะนี้มีบริษัทประกันภัยในญี่ปุ่นอีกสามแห่งกำลังพิจารณาจะนำ AI มาใช้งานในอีกหลายรูปแบบ เช่น ใช้ค้นหาแผนความคุ้มครองสูงสุดที่เหมาะสมสำหรับลูกค้า ผลวิจัยของที่ประชุมเวทีเศรษฐกิจโลก (WEF) เมื่อปีที่แล้ว และคาดว่า
การเติบโตของเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ จะทำให้ผู้คนในประเทศชั้นนำของโลกกว่า 15 ประเทศ ต้องเสียงานไปถึง 5.1 ล้านตำแหน่ง ภายใน 5 ปีข้างหน้า ซึ่งแรงงานในประเทศเหล่านี้มีจำนวนมากคิดเป็นร้อยละ 65 ของแรงงานทั่วโลก
ที่มา :
www.bbc.com
mainichi.jp
www.theguardian.com