บริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft) ยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจไอทีประกาศปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ซึ่งจะรวมถึงการปลดพนักงานราว 3,000 คนทั่วโลก โดยเป็นการปรับโครงสร้างครั้งนี้ เพื่อมุ่งความสนใจไปที่
ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบ Cloud-computing มากยิ่งขึ้น
โดยไมโครซอฟท์ไม่ได้ประกาศตัวเลขที่ชัดเจนว่าจะปลดพนักงานจำนวนเท่าไร บอกแค่ว่า
น้อยกว่า 10% ของพนักงานฝ่ายขายทั้งหมด และ 75% ของพนักงานที่ถูกปลดนั้นอยู่นอกสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วย ฝ่ายสนับสนุนการขาย ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ฝ่ายการเงิน และฝ่ายกฏหมาย (ไมโครซอฟท์มีพนักงานทั่วโลก 121,000 คน อยู่ในสหรัฐอเมริกา 71,000 คน)
ส่วนพนักงานที่ถูกปลดออกนั้น
ยังไม่มีรายงานว่าได้รับการชดเชยอย่างไรบ้าง แต่จากที่ไมโครซอฟต์เคยปลดพนักงานเก่าสมัย Nokia ออกมากกว่านี้ ทางบริษัทก็มีการจ่ายเงินชดเชยให้พร้อมแนะนำบริษัทใหม่ด้วย
นอกจากนี้ โฆษกของไมโครซอฟต์ยังได้เปิดเผยว่า
การปลดพนักงานครั้งนี้ ไม่ใช่การลดค่าใช้จ่าย แต่เป็นการปรับวิธีการดำเนินงานรวมทั้งการขาย ให้เน้นไปที่ธุรกิจคลาวด์มากยิ่งขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์
“Azure” ของไมโครซอฟต์มีการขยายตัวอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา มียอดใช้งานสูงขึ้นถึง 93% ในไตรมาสที่ผ่านมา รวมทั้งเป็นการเปลี่ยนวิธีการขายใหม่
โดยจะเน้นให้พนักงานที่มีความรู้เฉพาะทางด้าน Cloud มาขายผลิตภัณฑ์นี้แทน
จากกรณีที่บริษัทไมโครซอฟต์ได้ปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อเข้ามาเน้นในส่วนของธุรกิจ Cloud มากยิ่งขึ้น ทำให้วิธีการขายผลิตภัณฑ์เปลี่ยนไปจนส่งผลโดยตรงถึงการจ้างงานแฃะการทำงานของฝ่ายขาย
สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่ารูปแบบการดำเนินธุรกิจขององค์กรต่างๆ จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย และคนทำงานก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปรับตัวเสริมสร้างงทักษะความรู้ความสามารถให้สอดคล้องกับความต้องการและสภาวการณ์ที่เปลี่ยนไปด้วย