สอบเข้ามหาวิทยาลัย

แก้ไขปัญหาการทุจริตกระทรวงศึกษาธิการ

            พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาการทุจริตกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 3/2559 เมื่อวันพุธที่ 27 เมษายน 2559 ณ ห้องประชุมชั้น 2 สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา โดยมี พล.อ.สุทัศน์ กาญจนานนท์กุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, ผู้แทนองค์กรหลักและหน่วยงานในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ เข้าร่วมประชุม
 

               พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ที่ประชุมได้ติดตามการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทุจริตของหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีคดีที่ค้างในการสอบสวนจำนวน 610 เรื่อง และได้ทยอยพิจารณาไปแล้ว 318 เรื่อง เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ 292 เรื่อง จึงได้เร่งรัดให้คณะอนุกรรมการ ฯ และผู้บริหารหน่วยงานต่าง ๆ จัดทำแผนการดำเนินงาน โดยกำหนดระยะเวลาว่าแต่ละคดีต้องแล้วเสร็จเมื่อไร ซึ่งถือเป็นมาตรการเร่งรัดการขับเคลื่อนให้เกิดผลในทางปฏิบัติ พร้อมทั้งย้ำในที่ประชุมด้วยว่าคณะอนุกรรมการ ฯ และผู้บริหารหน่วยงานต่าง ๆ ต้องเอาใจใส่ในการดำเนินการคลี่คลายแก้ไขปัญหาการทุจริตอย่างจริงจัง เพราะเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการจัดการแก้ไขปัญหาเหล่านี้
               นอกจากนี้ ได้สอบถามถึงคดีที่เป็นผลกระทบในวงกว้างและอยู่ในความสนใจของสังคม เช่น กรณีสินค้าค้างสต็อกขององค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) อาทิ ชุดนักเรียน, การสั่งซื้อหนังสือจากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งมาเก็บไว้, กรณี สกสค.ใช้เงิน 2,500 ล้านบาทซื้อตั๋วสัญญากับบริษัท บิลเลี่ยนอินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำความผิด และแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย, การติดตามความคืบหน้าทุจริตโครงการจัดซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลของสหกรณ์ออมทรัพย์ครู หรือแชร์ล็อตเตอรี่ของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูใน 11 จังหวัดที่เกิดเหตุมาหลายปีแล้ว โดยมีการรายงานความคืบหน้ามา 8 จังหวัด ยังเหลืออีก 3 จังหวัด ซึ่งที่ประชุมได้ให้คณะอนุกรรมการ ฯ ไปติดตามเร่งรัดถึงสาเหตุการรายงานที่ล่าช้า
            อีกประเด็นที่มีปัญหามาตั้งแต่ปี 2555 คือ การทุจริตก่อสร้างสนามฟุตซอลวงเงิน 689 ล้านบาท ในพื้นที่ 21 จังหวัด จำนวนกว่า 400 โรงเรียน โดยมอบให้คณะอนุกรรมการ ฯ ไปตรวจสอบและตอบมาว่าจะชี้มูลความผิดได้เมื่อใด แต่การพิจารณาทุกเรื่องต้องให้ความเป็นธรรมและอยู่ในกรอบของระเบียบกฎหมายต่าง ๆ ด้วย



ที่มา : ข่าวสำนักรัฐมนตรี