วินดี้ สุวพิชญ์ สาวหมวย สวยเพรียว ท่าทางกระฉับกระเฉง อยู่ตรงหน้าของผู้สื่อข่าวแล้ว แววตาเธอฉายแววมุ่งมั่นเฉลียวฉลาดตั้งแต่แรกเห็น แต่จะจริงอย่างที่เราคาดการณ์เอาไว้หรือไม่ คุณต้องสละเวลาอ่านเรื่องราวของเธอสักนิด เพราะไม่แน่ วินดี้ สุวพิชญ์ กัปตันหมวยรวยความสามารถคนนี้ อาจจะจุดไฟในหัวใจของคุณให้ลุกโชนขึ้นได้อีกครั้ง!
กัปตันหญิงหนึ่งเดียวแห่งไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ วัย 35 ปี บอกเล่าถึงความท้าทายของเส้นทางกัปตันให้เราฟังอย่างหมดเปลือกว่า จากจุดเริ่มต้นที่มาจากความชื่นชอบเครื่องบินเป็นชีวิตจิตใจ จึงทำให้เธอตั้งเป้าหมายชีวิตไว้ว่า สักวันหนึ่ง เธอจะขึ้นไปยืนอยู่บนเครื่องบินลำยักษ์ ในฐานะแอร์โฮสเตสให้ได้
“ตอนเรียนปริญญาตรี วินดี้ สามารถสอบชิงทุนมหาวิทยาลัยเอแบค (มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ) ได้ ซึ่งตอนนั้นวินดี้ใช้เวลาเรียน 3 ปี ก็จบการศึกษาสาขาวิชาภาษาจีนธุรกิจ จากนั้นก็ต่อโทจิตวิทยาที่เอแบค ใช้เวลาเรียนปีครึ่ง ภายหลังจากเรียนจบ ป.โท เราก็เริ่มทำตามฝัน ด้วยการสมัครสอบแอร์โฮสเตสของสายการบินไทยแอร์เอเชีย ซึ่งปรากฏว่า เราสอบผ่านตั้งแต่ครั้งแรกเลย แต่พอเริ่มเข้าหลักสูตรอบรมการเป็นแอร์ฯ ได้ไม่กี่เดือน เรารู้สึกว่าอาชีพที่เราเคยฝัน มันไม่ใช่สิ่งที่เราอยากจะเป็นจริงๆ” กัปตัน คนสวยเล่าถึงการเปลี่ยนผ่านของชีวิต
ความสับสนในหัวใจของวินดี้ เผอิญเกิดขึ้นอย่างประจวบเหมาะในช่วงที่ไทยแอร์เอเชีย เปิดสอบศิษย์การบินรุ่นที่ 1 ปี 2004 พอดิบพอดี ซึ่งวินดี้ สุวพิชญ์ ในฐานะแอร์โฮสเตสฝึกหัด ณ ขณะนั้น ไม่ลังเลใจใดๆ แม้แต่น้อย เธอร่วมกระโดดสู้ศึกชิงเก้าอี้นักบินไทยแอร์เอเชียทันที
“ตอนนั้น วินดี้ ไม่ได้หวังว่าจะสอบผ่าน เพราะเราไม่มีความรู้ด้านนี้เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องสอบอะไรบ้าง แต่คิดว่า อย่างน้อยๆ ถ้าเรามีโอกาสเข้าไปสอบ เราก็จะรู้ว่าแนวข้อสอบเป็นอย่างไร และถ้ารอบนี้สอบไม่ติด รอบต่อไปเราก็จะรู้แนวทางของข้อสอบ เราก็อาจจะผ่านไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่เมื่อผลสอบออกมา ปรากฏว่าเราสอบผ่านตั้งแต่ครั้งแรกเลย” วินดี้ สุวพิชญ์ เธอบอกเล่าเรื่องราวอย่างเป็นกันเอง
สำหรับผู้ที่ผ่านกระบวนการคัดเลือก จะได้รับทุนการศึกษาเพื่อเข้าเรียนกับโรงเรียนการบิน และได้ร่วมงานกับสายการบินไทยแอร์เอเชีย ในตำแหน่งผู้ช่วยนักบิน โดยมีสัญญาจ้างงานอายุ 10 ปี ซึ่งสนามสอบศิษย์การบิน รุ่นที่ 1 ของบริษัทไทยแอร์เอเชียในครั้งนั้น มีผู้เข้าสมัครมากถึง 2,000 คน ถูกคัดแล้วคัดอีกจนเหลือ 40 คน และแน่นอน วินดี้ อดีตแอร์โฮสเตส เธอติด 1 ใน 40 คนนั้นด้วย
วินดี้ ในฐานะศิษย์การบิน ไทยแอร์เอเชีย รุ่น 1 ถ่ายทอดวินาทีที่เธอเข้าโรงเรียนการบินครั้งแรกได้อย่างแม่นยำ ราวกับผ่านมาได้ไม่นานว่า “พอเข้าเรียนปุ๊บ วันแรกๆ ครูการบินก็สอนทฤษฎีเบื้องต้นเกี่ยวกับกลไกของเครื่องบิน จากนั้นเรียนไปได้ไม่ถึง 1 อาทิตย์ วินดี้ก็ได้ขึ้นบินเครื่องบินเล็กพร้อมกับครูการบินเลย ซึ่งวินาทีที่ได้ขับเครื่องบินครั้งแรก เราไม่ตื่นเต้นเลย ได้แต่เมาเครื่องบิน เพราะตอนนั้นเรายังไม่ชิน”
“ด้วยความที่คุณเป็นผู้หญิง เรื่องเพศนับว่าเป็นอุปสรรคในช่วงที่เรียนการบินหรือไม่?” ผู้สื่อข่าวถามสาวหมวยหน้าตาสะสวยที่อยู่ในวงล้อมของหนุ่มๆ ศิษย์การบิน ซึ่งเราได้รับคำตอบจากเธอว่า “ความเป็นผู้หญิงไม่ใช่อุปสรรคของวินดี้เลย เพราะการบิน คือ ความถนัดเฉพาะ เฉกเช่นเดียวกับอาชีพแพทย์ หากถามว่า แพทย์ผู้ชายเก่งกว่าแพทย์ผู้หญิงหรือไม่ คำตอบ คือ ไม่ใช่ ไม่ว่าจะแพทย์หญิงหรือแพทย์ชาย ล้วนมีความเก่งกาจแตกต่างกันออกไปคนละด้าน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อาจเป็นเพราะสังคมไทยมักมองว่า ผู้ที่จะเป็นนักบินได้ต้องเป็นผู้ชาย หรือควรเป็นผู้ชาย ซึ่งแตกต่างกับมุมมองของต่างประเทศ ที่เขาจะมองว่า เพศหญิงหรือเพศชาย ล้วนมีความสามารถเหมือนกัน มีทุกอย่างเท่าเทียมกัน”
“เราสามารถหยิบสิ่งพิเศษอะไรจากความเป็นผู้หญิงมาใช้ในอาชีพกัปตันได้บ้าง?” กัปตันสาวหนึ่งเดียวแห่งไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ พูดฉะฉาน ตอบคำถามนี้แก่ผู้สื่อข่าวว่า ในวงการการบิน เรามักจะพูดคำกล่าวหนึ่งติดปากกันอยู่เสมอ โดยคำกล่าวนี้มีการเปรียบเปรยว่าEagle eye, Lion heart and Lady hands ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า คุณต้องรู้จักสังเกตสิ่งรอบตัว มีสายตาแหลมคมดั่งอินทรีย์, คุณต้องใจกล้าเหมือนสิงโต และคุณต้องละเอียดรอบคอบดุจหญิงสาว เพราะฉะนั้นความพิธีพิถัน คือสิ่งพิเศษที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา โดยไม่ต้องเริ่มต้นสร้างใหม่ หรือปรุงแต่งใดๆ
ภายหลังจากที่ วินดี้ สุวพิชญ์ เรียนจบหลักสูตรนักบินพาณิชย์ตรีเป็นที่เรียบร้อย เธอก็สยายปีกติดนามสกุลไทยแอร์เอเชียเต็มตัว โดยครั้งนี้เธอไม่ได้มาในฐานะแอร์โฮสเตส แต่เธอมาในฐานะโคไพลอต ซึ่งเราไม่ลืมที่จะถามคำถามนี้กับสาวสวยหัวใจแกร่ง “ท้องฟ้าหรือสภาพอากาศ มีทั้งดีและร้าย พอขึ้นบินจริงๆ คุณต้องเจอกับท้องฟ้ามืดครึ้ม เมฆสีดำ หรือแม้กระทั่งฟ้าผ่า คุณรู้สึกกลัวบ้างไหม?”
สาวหมวยสวยมั่นที่อยู่ตรงหน้า เธอตอบชัดถ้อยชัดคำเช่นเดิมว่า “ไม่ว่าจะเป็นหญิง ชายหรือเพศไหนๆ ก็ต้องมีอารมณ์กลัวบ้างเป็นธรรมดา แต่สำหรับวินดี้ เราไม่คิดว่าจะต้องต่อสู้กับสิ่งเหล่านี้ แต่เราคิดอยู่ตลอดทุกวินาทีว่า เราจะไปถึงที่หมายอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด เพราะสิ่งที่คนเป็นนักบินต้องให้ความสำคัญที่สุด คือ ผู้โดยสารนับร้อยชีวิตที่เขาได้ฝากชีวิตเอาไว้ให้เราดูแล”
วินดี้ สะสมชั่วโมงบินครบตามกำหนด 4,500 ชั่วโมง จนสามารถโปรโมตขึ้นเป็นกัปตันได้แล้ว ซึ่งเพื่อนๆ ในรุ่นเดียวกันต่างเลือกอัพเกรดเป็นกัปตันจากเครื่องเล็ก แต่เธอไม่คิดเช่นนั้น เธอยังสร้างความท้าทายให้แก่ชีวิตต่อไป โดยการสอบเป็นกัปตันเครื่องบิน A330 (เครื่องใหญ่ มีผู้โดยสาร 377 ที่นั่ง บินไกลไม่เกิน 10 ชั่วโมง) ซึ่งเธอต้องมีชั่วโมงบินสะสมครบ 6,000 ชั่วโมงเสียก่อน จึงจะสามารถเป็นกัปตันเครื่องบิน A330 ได้
ทว่า ไม่มีอะไรเกินความสามารถของเธอไปได้ สุดท้ายเธอเอาชนะอุปสรรคทั้งหมดทั้งมวล จนก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันหญิงเครื่องบิน Airbus A330 คนแรกของประเทศ และเป็นนักบินหญิงคนเดียวของไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์
“วินดี้เคยได้ยินคนรู้จักคนหนึ่งพูดกับเราว่า ตั๋วเครื่องบินถูกมากๆ ฉันเก็บเงินซื้อตั๋วเครื่องบินกลับบ้านได้แล้ว นี่ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกเลยด้วย ฉันกลัวมากๆ ซึ่งเราก็ถามกลับไปว่ากลัวอะไรหรอ เขาตอบกลับมาว่า เขาไม่รู้ว่ากลัวอะไร แต่ที่กลัวเพราะไม่เคยขึ้นเครื่องบิน ซึ่งคำพูดของเขา ทำให้เรากลับมานึกถึงทุกครั้งก่อนบิน และทำให้เกิดความรู้สึกที่ว่า เราจะต้องตั้งใจแลนดิ้งให้ดีที่สุด แลนดิ้งให้นิ่มที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะหนึ่งชีวิตจากหลายร้อยชีวิตด้านหลังของเรา เขาอาจขึ้นเครื่องบินครั้งแรก แต่ถ้าเราแลนดิ้งไม่ดีเขาอาจจะต้องกลัว และทำให้เขาไม่กล้าขึ้นเครื่องบินไปตลอดชีวิต” กัปตันวินดี้ ถ่ายทอดเรื่องราวในอาชีพที่เธอรัก ด้วยแววตามีความสุข
“ตอนทำงานเราตั้งใจมากๆ ต้องคิดตลอดเวลา บางทีนอนๆ อยู่ตอนกลางคืน วินดี้ยังฝันเลยว่าเรากำลังขับเครื่องบินอยู่ บางทีฝันแม้กระทั่ง เจอสถานการณ์ที่เครื่องบินดับ หรือสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ และตัวเองในฝันก็พยายามที่จะแก้สถานการณ์ให้ได้ ทั้งๆ ที่เรื่องจริงก็ไม่เคยเจอ และไม่อยากเจอด้วย” เธอเล่าติดตลก
เต็มที่กับการทำงานเช่นนี้ ค่าตอบแทนเป็นอย่างไรบ้าง? ผู้สื่อข่าวไม่ลืมที่จะถามถึงเรื่องราวที่ผู้อ่านหลายคนอยากรู้ ซึ่งเธอตอบสั้นๆ เพียงว่า “เงินเดือนตอนเรียนแปดพัน แต่ทุกวันนี้ก็หลักแสนอยู่แล้ว เป็นธรรมดาของสายอาชีพนี้”
ขณะที่ ระยะเวลาในการทำงานของนักบิน เฉลี่ยต่อเดือนจะอยู่ที่ 80 ชั่วโมงต่อเดือน หรือเรียกได้ว่า ทำงาน 15 วัน หยุด 15 วัน ซึ่งเป็นไปตามกฎการบินที่ระบุชัดเจนว่า ภายใน 1 เดือน นักบินจะบินได้ไม่เกิน 100 ชั่วโมง และ 1 ปีไม่เกิน 1,000 ชั่วโมง
ส่วนความสามารถ หรือทักษะในด้านภาษา เธอบอกเล่าอย่างถ่อมตัวว่า วินดี้สามารถพูดภาษาจีน (เธอพูดได้ทั้งจีนกลางและกวางตุ้ง) ได้ตั้งแต่ตอนเด็ก เพราะคุณแม่มีเชื้อสายจีน นอกจากนี้ วินดี้ยังสามารถพูดคุยสื่อสารภาษาเยอรมัน, ฝรั่งเศส, มลายู และ ญี่ปุ่น ได้ในระดับหนึ่ง โดยสรุปได้ว่า วินดี้พูดคุยติดต่อสื่อสารได้ 6 ภาษา ดังต่อไปนี้ได้ดี 1. ไทย 2. อังกฤษ 3. จีน 4. เยอรมัน 5. ฝรั่งเศส 6. มลายู
“กัปตันวินดี้เคยคิดที่จะเปลี่ยนสาย ย้ายงานไปทำอาชีพอื่นบ้างหรือไม่?” อีกหนึ่งคำถามที่เราต้องการคำตอบจากสาวหมวยที่ภายในหัวใจมีแต่อากาศยานลำยักษ์ วินดี้ตอบกลับมาว่า"วินดี้รู้สึกว่า วันนี้เราเดินมาในเส้นทางที่ถูกต้องเหมาะสมกับเราแล้ว เราไม่เคยรู้สึกแม้แต่ครั้งเดียวว่า อาชีพอื่นน่าสนใจกว่านักบิน และเราไม่คิดว่าวันใดวันหนึ่งเราจะละทิ้งอาชีพนี้ได้ เพราะไม่มีอาชีพใดในชีวิตนี้ที่วินดี้อยากจะทำ นอกจากนักบิน”
“เราต้องแยกระหว่างนักบิน และกัปตัน ทุกคนสามารถเป็นนักบินได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นกัปตันได้ เพราะเครื่องบิน ใครๆ ก็ขับได้ แม้กระทั่งบริษัทแอร์บัสยังบอกเลยว่า เครื่องบินของเขา ใครๆ ก็ขับได้ แม้แต่ลิงก็ยังขับได้ ดังนั้นเราจึงอยากบอกว่า ใครๆ ก็เป็นนักบินได้ แต่การที่จะเป็นนักบินที่ดีนั้นไม่ง่าย เพราะสิ่งที่นักบินพาณิชย์ทุกคนต้องมี คือ ความรับผิดชอบ และคุณยังแบกไว้ซึ่งทรัพย์สินบริษัท ชีวิตคนนับร้อย ความน่าเชื่อถือ หากเราพลาดพลั้งแม้แต่ครั้งเดียว ความสูญเสียที่เกิดขึ้นมันมากเหลือเกิน” กัปตันวินดี้ ถ่ายทอดเรื่องราวด้วยแววตาที่เราเห็นตั้งแต่แรกคุย
“เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็น นักบิน ก่อนขึ้นบินคุณจะต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม 100% และคุณต้องทำเช่นนี้ไปตลอดชีวิต ไม่ใช่อีก 2 ชั่วโมงบิน คุณยังดื่มเหล้าเมาแอ๋อยู่เลย เพราะฉะนั้น หากคุณต้องการจะเป็นนักบิน แต่คุณกลับรู้สึกว่าคุณจะมีวินัย 100% ไม่ได้ คุณจะมีความพร้อม 100% ไม่ได้ คุณก็อย่ามาเป็นนักบิน” กัปตันวินดี้ สุวพิชญ์ ทิ้งท้ายเรื่องราวชีวิตให้แก่ผู้ล่าฝัน
ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์