คุณฟิล์ม มนัสนันทร์ เจ๊ะโว๊ะ จากรายการ I can see your voice Thailand เด็กหนุ่มวัย 20 ปี จากวิทยาลัยดนตรีและศิลปะการแสดง SCA (Supperstar Collenge of Asia) ผู้สร้างความฮือฮาไปทั้งโลกออนไลน์ด้วยเสียงแบบที่เรียกว่าเพราะเว่อ!! จนรับฉายา “หนุ่มหน้าเถื่อนเสียงหล่อ” โดยล่าสุด ( 18 มีนาคม 59 ) คลิปวีดีโอดังกล่าวมียอดวิวทะลุ 8 ล้านวิวแล้ว วันนี้เรานำบทสัมภาษณ์ของคุณฟิล์ม ที่ให้สัมภาษณ์ไว้กับ Sanook! News มาฝากกัน
บ่ายแก่ๆ ฟิล์มปรากฏตัวพร้อมกีต้าร์โปร่งด้วยลุคเซอร์ๆ คล้ายกับวันที่เขาได้ไปสร้างความฮือฮาในรายการที่เคยชม และแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ Sanook! News ได้พูดคุยกันก็ทำให้เรารู้จักตัวตน และเห็นมุ่งมั่นตั้งใจในการร้องเพลงโดยไม่เคยคิดน้อยเนื้อต่ำใจว่าใครจะให้นิยามว่าตนนั้นเป็น "นักร้องหน้าเถื่อน" เลยซักนิดเดียว
"ฟิล์ม" ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
"ผมเกิดในกรุงเทพแต่คุณพ่อเป็นคนนราธิวาส ตั้งแต่เด็กๆ พ่อก็จะร้องเพลงให้ฟังครับ เหมือนกล่อมไม่ใช่เพลงกล่อมทั่วไปแต่เป็นเพลงสมัยนั้นที่ติดหูพ่อเสียงดีมาก รู้สึกอยากร้องให้พ่อฟังบ้างก็ลองฝึกดูเพลงไหนดังก็ลองร้อง และที่บ้านสอนให้เคารพผู้ใหญ่อย่าทำนิสัยไม่ดี แล้วก็รักตัวเองให้มากๆ ครับ"
เมื่อรู้ตัวว่าเป็นคนชอบร้องเพลงจึงเดินทางหาประสบการณ์ตามเวทีประกวด แต่ในเส้นทางประกวดนั้นกลับมี "ความขี้อาย" เข้ามาทำลายความมั่นใจ
"ผมเป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยประกวด เห็นเขาไปประกวดก็นั่งดูหน้าทีวี แต่พอเริ่มโตขึ้นเพื่อนก็จะบอกไปประกวดนู้นสิประกวดนี่สิ ประกวด The Voice ก็ตกรอบไปเวที The Star ก็ไม่ผ่าน เราก็รู้สึกว่าเรายังฝึกไม่พอ แต่ก็ฝึกไปเรื่อยๆ แล้วก็ไปอีกพอไม่ได้ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ครับไม่ชอบไปที่เดิมๆ ผมอยากรู้แต่ละที่การรับสมัครเป็นยังไงพอรู้แล้วก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ผมรู้สึกว่าชีวิตผมเป็นคนที่ทำอะไรไม่ค่อยได้เรื่อง เรียนไม่เก่ง ไม่ได้เกรด4 ตกก็ตกเยอะ
แต่ผมรู้สึกว่าการร้องเพลงมันเป็นอะไรที่ผมรักมัน รู้สึกว่าเวลาทำแล้วมีคนชอบ เวลาร้องก็จะมีคนดู เราก็ดีใจและเทคนิคส่วนใหญ่ที่ฝึกคือจะไม่ฟังแบบที่เป็น audio เราดูเวอร์ชั่นที่เขาเล่นสดแล้วเราก็จำเทคนิคของเขามาจนมันใช้กับเราได้ครับ"
ฟิล์มบอกถึงเส้นทางชนะความขี้อายที่กล้าไปหาประสบการณ์จากเวทีต่างๆ ได้นั้นเพราะ "ขยันฝึกฝน" โดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคและพร้อมที่จะเรียนรู้รับสิ่งใหม่ๆ ในการพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา
"หน้าเถื่อน" เสียงชวนหลงใหล
"จริงๆ ผมว่ามันเป็นความรู้สึกดีนะ คำพวกนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะมันก็มีคนชอบในสิ่งที่ผมเป็นผมก็โอเคครับ ไม่ได้แบบว่าเขาต้องไปบอกไปพูดว่านักร้องหน้าหล่อ ผมก็ไม่ได้หล่อแบบที่พูดกัน เขาพูดก็ถูกแล้วครับ แค่ก็มีคนชอบรอยยิ้มชอบในเสียงของผมก็รู้สึกดีแล้วครับ" ฟิล์มเผยรอยยิ้มที่เป็นเสน่ห์ออกมา และเล่าให้เราฟังต่อไปอีกว่า
"ผมว่ามันเกินฝันมากครับ ตอนแรกๆ ผมไม่คิดว่าเสียงของผมจะพาคนมาชอบผมขนาดนี้ พอมีคนมาชอบเสียงของผม ผมก็ต้องรักษาเสียงของผมมากขึ้น แล้วเราก็รู้สึกดีใจ เดินไปก็แบบมีคนสนใจเรา เดินไปมีคนขอถ่ายรูปหน่อย ผมไม่รู้ว่าเน็ตไอดอลเขาเป็นแบบไหน อารมณ์ผมตอนนี้คงยังไม่ถึงจุดๆ นั้น แต่มันเปลี่ยนไป เดินไปเมื่อก่อนก็ไม่มีใครสนใจ แต่ตอนนี้ก็มีทักกันครับ ตอนยังไม่ออกรายการเฟสบุ๊คมีเพื่อนติดตามห้าร้อยพอออกรายการมีประมาณเจ็ดหมื่นคือแบบผมอึ้งเลยจบรายการไปผมก็เปิดเฟสบุ๊คแจ้งเตือนแบบ โอ้โหผมก็นั่งงงอยู่หน้าคอมกับตัวเองแล้วก็ยิ้มดีใจมีคนสนใจเราด้วย"
ถามต่อถึงเรื่องคำวิจารณ์ของ "ดีเจนุ้ย" หนึ่งในคณะกรรมการได้พูดไว้ว่า สภาพไม่ได้และหน้าอย่างนี้ให้ไปตามหารจนา ฟิล์มเผยถึงความรู้สึกตรงนี้ว่า
"ตอนนั้นผมคิดว่าเป็นหน้าที่ของกรรมการมากกว่าที่จะเรียกเสียงหัวเราะ ผมไม่ได้โกรธไม่ได้อะไรเลย คิดแค่ว่าเราต้องทำให้ดี เขาส่งมาให้เราแบบนี้เราก็ต้องโชว์ว่าเรามีดีนะ พอตอนร้องเสร็จก็ตบมือทั้งสตูผมขนลุกแบบอยากจะขอบคุณพวกเขา จริงๆ สำหรับพี่นุ้ยเขากลับก่อน ส่วนผมมีถ่ายแก้ไขนิดหน่อยก็ไม่ได้คุยกันวันนั้นว่าผมก็ไม่ได้โกรธผมยังคิดอยู่เลยถ้าเขาไม่พูดขนาดนั้นผมคงไม่ถึงตรงนี้ก็ได้ครับ"
"นักร้องหน้าเถื่อน" สามอาทิตย์สี่ล้านวิว
"หลังจากรายการออกอากาศไปตอนนั้นยอดวิวสี่แสนผมก็คิดว่าคงไม่ขึ้นแล้ว แต่พอมันขึ้นหนึ่งล้านพ่อก็เอามาให้ผมดู พ่อผมน้ำตาไหลร้องไห้บอกผมว่าฟิล์มล้านนึงแล้วคือผมขนลุกเพราะเราไม่ได้ทำให้พ่อร้องไห้ในทางที่ไม่ดี เราทำให้พ่อร้องไห้ในทางที่เขาดีใจ ณ ตอนนี้ที่เราคุยกันอยู่สี่ล้านแล้วครับหลังจากออกอากาศไปสามอาทิตย์ ก็อยากขอบคุณทุกคนที่สนใจผู้ชายคนนี้ที่ธรรมดาไม่ได้เด่นอะไร ขอบคุณจริงๆ ที่คอยเชียร์คอยติดตามในทุกๆ ด้าน ขอบคุณที่รักเสียงผม และพาเสียงของผมมารู้จักหลายๆ คนขอบคุณจริงๆ ครับ"
ข่าวจาก : Sanook! News