อ่านหนังสือยังไงให้สนุก
ช่วงนี้น้องๆ หลายคนคงวุ่นๆกับการอ่านหนังสือ และคงเริ่มเบื่อๆกันบ้างแล้ว เพราะทั้งวันก็ต้องเจอกิจกรรมมากมาย ทั้งเรียนหนังสือ,กิจกรรมของโรงเรียน,ไหนจะการบ้านที่จะต้องทำอีก พอจะหยิบหนังสือขึ้นมาหนังตาก็เริ่มหย่อนและรู้สึกอ่อนแรงไปในทันที หากเป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ไหวแน่ๆ วันนี้พี่ AdmissionPremium จึงได้รวบรวมเทคนิคในการอ่านหนังสือยังไงให้สนุกมาให้น้องๆ เพื่อจะได้อ่านหนังสือแบบมีความสุขและพร้อมที่จะลงไปลุยกับข้อสอบต่างๆ ไปดูกันเลยจะมีวิธีไหนน่าสนใจบ้าง?
1.มองหนังสือเรียนให้เป็นเรื่องน่าอ่าน
พี่ AdmissionPremium คิดว่าน้องๆ คงมีหนังสือที่ตัวเองรักและชื่นชอบอ่านกี่ครั้งๆ ก็ยังสนุกอยู่เสมอ เคล็ดลับข้อแรกนั้นคือ น้องๆลองปรับทัศนะคติใหม่ เพราะหากน้องๆ ยังมองว่าหนังสือเรียนนั้นเป็นเรื่องน่าเบื่อ น่ารำคาญ จึงไม่อยากจะอ่าน น้องๆ ลองคิดว่าหนังสือเรียนคือหนังสือเล่มหนึ่งที่เราอ่านแล้วสนุกไปกับมัน เช่น การ์ตูน นิยาย หรือแม้แต่นิตยสาร อ่านโดยไม่ต้องพยายามจำให้เป๊ะทุกอย่าง แต่ให้อ่านไปเรื่อยๆ เพื่อจะได้มีอารมณ์ในการอ่านต่อไปแล้วเราก็จะหยิบหนังสือเรียนนั้นขึ้นมาอ่านอีกหลายๆครั้งเหมือนหนังสือที่เราชอบอ่าน
2. มีสุนทรีในหัวใจ อ่านอะไรก็เป็นเพลง
สำหรับน้องๆ ที่คิดว่าวิชาต่างๆที่ใช้สูตรหรือศัพท์เฉพาะ จำเป็นต้องใช้ความจำเป็นอย่างมาก แถมยังเป็นวิชาที่ดูดกลืนพลังของเราได้อย่างมาก ทำให้ชีวิตเรามีแต่ความยุ่งยาก พี่แนะนำเคล็ดลับนี้เลยที่จะทำให้น้องๆ อ่านได้อย่างเพลิดเพลินโดยการแต่งเพลงสนุกๆ ที่มีเนื้อร้องเป็นสูตรต่างๆ ขึ้นมาไม่ว่าจะสูตรไหนๆ ลองนำสูตรนั้นมาผสมผสานกับดนตรีที่เราชอบเพิ่มสุนทรีในการอ่านหนังสือ เพลงที่น้องแต่ขึ้นนอกจากจะช่วยให้น้องๆ อ่านหนังสือแบบมีความสุขไม่พอแถมยังช่วยให้น้องๆ จำสูตรต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วด้วยนะ หรือถ้าน้องๆ ไม่อยากแต่งเพลงเองก็ลองหาเพลงของสูตรต่างๆ ที่ติวเตอร์เคยแต่ไว้มาร้องดู ก็ยังเป็นอีกหนึ่งทางลัดที่ช่วยน้องได้นะ
3. จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
วิธีนี้พี่แนะนำเลยคือให้น้องๆ ลองจินตนาการเรื่องที่อ่านออกมาเป็นภาพ เช่น ถ้าน้องๆ กำลังอ่านหนังสือเรื่อง “The Clique” ก็ลองนึกดูว่าตัวละครทั้งหลายรู้สึกอะไรอยู่ หรือ ลองจินตนาการโดยเอาตัวเราเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ของเรื่องที่อ่าน หรือน้องๆ เป็นผู้ที่มีอารมณ์ศิลป์ตัวยง ชอบวาดนู่นวาดนี่ลงไปในหนังสือลองปรับเปลี่ยนวิธีอ่านหนังสือไปด้วยการทำสมุดสรุปความรู้ที่เน้นความคิดสร้างสรรค์แบบ Mind Map หรือแผนภาพต้นไม้ที่มีรูปภาพช่วยจำ มีสีสันเยอะๆ เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นหรือเติมพลังสมองให้น้องๆ สดชื่นขึ้นได้
4. เพราะรางวัลคือของหวาน
แน่นอนว่าถ้าเราอ่านหนังสือไปแบบไร้จุดมุ่งหมาย พออ่านไปเรื่อยๆก็คงไม่อยากอ่านจนทำให้ขี้เกียจและเลิกอ่านไปในที่สุด ฉะนั้นพี่แนะนำอีกหนึ่งวิธีคือเอารางวัลมาตั้งเป็นเป้าหมาย เพื่อที่เราจะได้มีแรงจูงใจในการอ่าน เช่น วันนี้ให้น้องๆ ตั้งเป้าหมายไว้เลยว่าถ้าน้องอ่านหนังสือได้สามบทน้องจะให้รางวัลตัวเองโดยการ กินขนมหวานเยอะๆ หรือเล่นเกมสักหนึ่งตา และหลังจากที่ให้รางวัลตัวเองเองแล้วก็กลับมาลุยต่อ
5. เปลี่ยนบรรยากาศ หรือ ออกไปลั้ลลากับผองเพื่อน
แน่นอนว่าถ้าเราอ่านหนังสือบนโต๊ะหนังสือไม่นานน้องๆ ก็จะเริ่มเมื่อย นำไปสู่การนอนและอาจเผลอหลับไปในที่สุด ฉะนั้นลองหามุมเล็กๆ ที่เหมาะกับการอ่านของเรา ต้องแน่ใจว่าเป็นที่สบาย มีแสงเพียงพอ เพียงโต๊ะเล็กๆ สักตัวก็ใช้ได้แล้ว หรือจะเป็นการนัดกับเพื่อนมาช่วยติวหนังสือที่บ้านผลัดกันติว ใครเรียนเก่งเรื่องไหนก็ยกให้เป็นเจ้าของเรื่องนั้น บางทีเราอ่านหนังสือคนเดียวเราก็รู้ก็คิดอยู่แค่ตัวเราคนเดียว เผลอๆ สิ่งที่เราคิดอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้ แต่ถ้าน้องๆแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อน ข้อมูลตรงไหนที่เราเข้าใจผิดหรือลืม เพื่อนของเรานี่แหละที่จะช่วยย้ำเตือนความจำส่วนนั้นกลับมาให้เราเอง
ข้อดีของการอ่านหนังสือกับเพื่อนคือเราไม่มีทางง่วง ติวไปคุยไปเรียกได้ว่าบันเทิงกันเลยทีเดียว แต่ข้อเสีย คือ การติวกับเพื่อนจะทำให้น้องๆคุยเพลินจนลืมติวก็ได้นะ ระวังด้วย
เป็นยังไงกันบ้างน้องๆ วิธีไหนน่าสนใจสำหรับน้องๆ บ้าง ลองนำไปทำดูนะ เราจะได้อ่านหนังสือแบบสนุกๆไม่น่าเบื่อ จะได้ทำคะแนนได้เยอะๆ แต่ถ้าไม่ไหวรู้สึกเหนื่อยหรือง่วงอยากพักจริงๆ พี่แนะนำว่าให้พักสักพักแล้วค่อยมาลุยต่อ และน้องๆก็อย่าหักโหมอ่านหนังสือหนักไปจนลืมดูแลสุขภาพตัวเองด้วย เพราะถ้าป่วยมาในวันสอบคงแย่แน่ๆ ดังนั้นรักษาสุขภาพของตัวเองกันด้วยนะ พี่ AdmissionPremium เป็นห่วง
ที่มา
>>>www.storylog.co
>>>www.tkpark.or.th