สอบเข้ามหาวิทยาลัย

ม.6 ควรรู้!! 5 สิ่งนี้ ก่อนใช้ชีวิตมหาวิทยาลัย


ม.6 ควรรู้!! 5 สิ่งนี้ ก่อนใช้ชีวิตมหาวิทยาลัย

อีกไม่นานก็จะประกาศผล TCAS รอบที่ 1 และก็อีกไม่นานที่น้องๆ หลายคนจะก้าวขาเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย จากนักเรียนมาเป็นนักศึกษาหรือนิสิต  ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่งในชีวิต แน่นอนว่าอาจจะมีน้องๆ หลายคนกังวนหรือกลัวว่าจะต้องทำตัวยังไง?  ปรับตัวยังไง? หากเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยแล้ว วันนี้พี่  Admission Premium มีข้อคิดดีๆ และสิ่งที่น้องๆ ควรรู้การใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยมาฝากจะเป็นยังไงไปดูกัน!!
 


1. เรียนแบบแอดวานซ์

น้องๆ หลายคนได้ยินคำนี้แล้วคงตกใจไม่น้อย แต่มันคือความจริง  เพราะถ้าน้องๆได้เข้าไปเรียนแล้วอาจจะรู้สึกว่ามหาวิทยาลัยไม่เห็นสอนอะไรที่เป็นประโยชน์กับชีวิตจริงเลย  แต่จริงแล้วนี้แหละคือสิ่งที่มหาวิลัยกำลังสอนน้องๆ ให้รู้จักหาความรู้ด้วยตนเองและรู้จักรับผิดชอบชีวิตตนเอง  ซึ่งมหาวิทยาลัยมีรูปแบบการสอนที่มากว่าการเรียนรู้ในห้องเรียน เพราะมหาวิทยาลัยยังมีงานสัมมนา งานเสวนา และห้องสมุด ฯลฯ ที่เป็นแหล่งเรียนรู้ชั้นดีให้น้องได้เรียนรู้ ฉนั้นน้องต้องรู้จักขนขวายความรู้ด้วยตนเอง


2. ทิ้งเลคเชอร์ช้าๆไป แล้วมาเลคเชอร์ขั้นเทพ

แน่นอนการเรียนมหาวิทยาลัยแตกต่างจากการเรียนในโรงเรียนอย่างมาก อีกสิ่งที่แตกต่างเลยนั้นคือ การจดเลคเชอร์ ที่น้องๆเคยชินอาจเป็นการจดเลคเชอร์ยาวๆ ซึ่งพี่อยากจะบอกน้องๆว่า เอาทิ้งไปได้เลย เปลี่ยนการจดเลคเชอร์ให้สั้นกระชับและเข้าใจง่าย ซึ่งสิ่งที่มาคู่กับการจดเลคเชอร์นั้นคือน้องๆ จะต้องรู้จักจับใจความสำคัญของเนื้อหาให้ได้ และน้องจากจะต้องใช้สัญลักษณ์ต่างๆเข้ามาช่วยเน้นข้อความที่สำคัญๆ และการใช้ตัวย่อยังเป็นตัวช่วยให้น้องสามารถลดเวลาในการจดลงได้  ที่สำคัญการย่อข้อความน้องๆควรจำคำย่อของตัวเองให้ดีเพราะไม่อย่างนั้น ตอนสอบมาหละ ซวยเลย


3. เกรดไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ถ้าไม่มีเราก็อาจจะพลาดโอกาสดีๆ

สิ่งหนึ่งที่น้องๆ ต้องเจอหลังจากเรียนจบไปหนึ่งเทอมนั้นคือเกรด ( ซึ่งเกรดที่น้องจะเหมือนเกรดของระดับมัธยมหรือประถมที่เคยเจอ เพราะมหาวิทยาลัยจะใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษ เป็นการบอกช่วงคะแนน หรือระดับคะแนนที่ได้รับ ) บางคนอาจจะไม่สนใจเกรดตามความเชื่อว่าเกรดมันไม่สำคัญ  แต่จริงๆแล้วพี่ว่ามันสำคัญไม่แพ้ประสบการณ์เลย เพราะบางทีเกรดมันมีอะไรมากกว่าที่น้องคิดมันบ่งบอกถึงความรับผิดชอบความมีระเบียบวินัยได้ แต่ถ้าไม่ได้ดั่งหวังพี่ก็ขอให้น้องๆ ลุกขึ้นสู้อีกครั้งอย่าคิดเทเป็นอันขาด


 

4. วางแผนให้ดี  ไม่งั้นชีวิตเปลี่ยน

จากที่น้องเคยวางแผนการใช้ชีวิตในแต่ละวันจัดตารางเรียนไปแต่ละวัน  น้องๆ ต้องรู้จักการวางแผนการใช้ชีวิตใน ลักษณะ Today Plan, Week Plan, Month Plan และ Semester Plan (แผนภาคการศึกษา หรือตลอดหลักสูตร) เพื่อให้ตนเองเห็นภาพรวมของกิจกรรมที่ต้องดำเนินการในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ แต่ละเดือน และที่สำคัญต้องวางแผนการเรียนให้ดี โดยเฉพาะวางแผนการลงทะเบียนเรียนที่น้องๆ อาจจะต้องแย้งชิงที่นั่งเรียนในบางมหาวิทยาลัย  การเตือนตนเองและจะได้สามารถจัดการเวลาของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ดังนั้นน้องจึงควรมีสมุดไดอารี่ประจำตัว เพื่อบันทึกกิจกรรมที่ต้องดำเนินการ


5. ปรับ attitude เพื่อเป็นผู้อยู่รอด

อย่างสิ่งหนึ่งทีสำคัญไม่แพ้กันคือ น้องๆ ต้องเข้าใจว่าการเรียนในมหาวิทยาลัยได้ออกแบบ สำหรับผู้ที่มีลักษณะของความเป็นผู้ใหญ่ คือ มีความรับผิดชอบในตนเองเพื่อ ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับการเรียนในมหาวิทยาลัยน้องต้องรักในการเรียนรู้ให้มากๆ  มีนิสัยใฝ่การเรียนรู้ เพราะมหาวิทยาลัยถือ เป็น " ขุมพลังทางความรู้ " มีแหล่งความรู้ให้น้องๆ ได้แสวงหาอย่างมากมาย ฉะนั้นเก็บเกี่ยวให้มากๆ ให้คุ้มค่ากับที่ลงทุนไป  การอยู่รวมกับสังคมและปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมองค์กรก็ถือเป็นอีกเรื่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เหมือนสุภาษิตที่ว่า เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม
 
5 สิ่งที่พี่ Admission Premium นำมาแนะนำอาจจะไม่ใช่ทั้งหมดที่น้องๆ จะต้องเจอในชีวิตมหาวิทยาลัย แต่เป็นสิ่งที่ค่อนข้างสำคัญที่น้องควรรู้ไว้เพื่อที่จะได้ปรับตัวให้เข้ากับมหาวิทยาลัยได้ และนอกเหนือจากนี้คือสิ่งที่น้องจากจะต้องเรียนรู้และพบเจอด้วยตนเอง ด้วยลักษณะสังคม ความเป็นอยู่ของแต่ละมหาวิทยาลัยแตกต่างกันไป


ที่มาจาก
www.unigang.com
www.krungsri.com