หลายๆคนอาจจะเคยได้ยินชื่อของเขาจากภาพยนตร์ที่เพิ่งฉายในโรงภาพยนตร์บ้านเรา The Theory of Everything ที่สร้างความประทับใจจนต้องกลับไปหาอ่านข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตของเขาเพิ่มเติม
"Stephen Hawking" (สตีเฟน ฮอร์คิง) ผู้ที่ได้รับฉายาว่าเป็นไอน์สไตน์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ว่ากันว่า เขาเป็นบุคคลที่ฉลาดที่สุดในโลกของเราที่ยังมีชีวิตอยู่ในขณะนี้
ประวัติย่อ
Stephen Hawking เกิดวันที่ 8 มกราคม 1942 ที่เมือง Oxford ประเทศอังกฤษ ในช่วงต้นของชีวิต Hawking สนใจในเรื่องวิทยาศาสตร์และดวงดาว จนกระทั่งเมื่ออายุ 21 ปี ขณะที่กำลังศึกษาจักรวาลวิทยา ที่มหาวิทยาลัย Cambridge มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้น เขาถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรค Amyotrophic Lateral Sclerosis หรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
และถึงแม้เขาจะประสบกับโรคที่แสนทรมาน เขาก็ยังได้สร้างสรรค์ผลงานในด้านฟิสิกส์และจักรวาลวิทยาออกมาให้ชาวโลกชื่นชมมากมาย รวมไปถึงหนังสือวิทยาศาสตร์ของเขาที่ทำให้โลกเข้าใจในวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น ส่วนหนึ่งของชีวิตของ Hawking ถูกถ่ายทอดลงในภาพยนตร์ปี 2014 เรื่อง The Theory of Everything (ฉายในเมืองไทยปี 2015)
หลังจากที่โรคร้ายทำลายร่างกายของเขาไปทีละน้อยจนเป็นอัมพาตถาวร ไม่ได้ทำให้เขาสิ้นหวัง กลับบ้านนอนรอความตาย แต่เขายังคงเรียนหนังสือต่อไป สำหรับคนทั่วไป การเรียนหนังสือที่รู้ว่าตัวเองกำลังใกล้ตายถือเป็นความสูญเปล่า แต่นอกจากเขาจะเรียนต่อแล้ว เขายังแต่งงานอีกด้วย แม้จะบังคับร่างกายไม่ได้ แต่สมองของ Hawking ยังคงหายใจเข้าออกเป็นทฤษฎีต่าง ๆ ทางจักรวาลวิทยา อย่างงานวิจัยเรื่องหลุมดำ ค้นพบโดยนักจักรวาลวิทยา Roger Penrose เกี่ยวกับชะตาของดวงดาวและการเกิดขึ้นของหลุมดำ เป็นสิ่งที่ทำให้ Hawking ครุ่นคิดเกี่ยวกับการเกิดขึ้นของอวกาศ ซึ่งนั่นเป็นที่มาที่ทำให้เขาศึกษาอย่างจริงจังและได้เปลี่ยนแปลงแนวคิดเรื่องหลุมดำและอวกาศในปัจจุบัน
งานวิจัยหนึ่งของ Hawking ทำให้เขากลายเป็นคนดังในวงการวิทยาศาสตร์ เมื่อเขาแสดงให้เห็นว่า หลุมดำไม่ได้มีลักษณะเป็นสูญญากาศโดยสมบูรณ์อย่างที่นักวิทยาศาสตร์ยุคก่อนเชื่อ เขาอธิบายง่ายๆ ว่า สสารหนึ่งในรูปของรังสีสามารถฝ่าพ้นแรงโน้มถ่วงของหลุมดำออกมาได้ ซึ่งภายหลังถูกเรียกว่า รังสี Hawking การเผยแพร่งานวิจัยในครั้งนั้นเป็นการช็อกโลกวิทยาศาสตร์ครั้งใหญ่ และทำให้ Hawking ได้รับรางวัล มีชื่อเสียง และโด่งดังอย่างมาก เขาได้รับเกียรติอยู่ในฐานะ fellow ของราชสมาคมแห่งลอนดอนเมื่ออายุ 32 ปี และภายหลังได้รับรางวัล Albert Einstein Award รวมถึงรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้ เขาได้ตีพิมพ์หนังสือเล่มแรกของเขาชื่อว่า The Large Scale Structure of Space-Time ในปี 1973 ร่วมกับ George Ellis อีกทั้งยังได้ร่วมมือกับ Penrose เพื่อร่วมศึกษาในงานวิจัยของ Penrose รวมถึงหนังสือเรื่อง A Brief History of Time
Hawking ได้ทำงานในฐานะอาจารย์อยู่หลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือที่ Caltech เมือง California โดย Hawking สอนในฐานะ Visiting professor ส่วนอีกที่คือ Gonville และ Caius College ใน Cambridge จนกระทั่งปี 1979 Hawking กลับมาสอนที่ Cambridge ที่ที่เขาได้ร่ำเรียนมาและเขาได้ถูกจารึกชื่อไว้ในตำแหน่ง Lucasian Professor of Mathematics ซึ่งเป็นตำแหน่งอาจารย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดตำแหน่งหนึ่งในโลก
แม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จทางด้านอาชีพ แต่นั้นก็เกิดขึ้นควบคู่ไปกับสภาวะร่างกายที่แย่ลงเรื่อยๆ จนกระทั่งช่วงเช้ามืดวันพุธ ที่ 14 มีนาคม ซึ่งตรงกับช่วงสายตามเวลาประเทศไทย สื่ออังกฤษรายงานว่า ครอบครัวของ “สตีเฟน ฮอร์คิง” นักฟิสิกส์ทฤษฎีและนักจักรวาลวิทยาชื่อดังชาวอังกฤษ ได้ออกแถลงการณ์ว่า “สตีเฟน ฮอร์คิง” เสียชีวิตอย่างสงบที่บ้านในเมืองเคมบริดจ์ ด้วยวัย 76 ปี โลกได้สูญเสียบุคคลสำคัญไปอีกท่าน ทางเราจึงขอนำคำคมของ Hawking มาเผยแผร่ หวังว่าทุกคนจะเก็บเอาไว้เป็นข้อเตือนใจในการใช้ชีวิตนะคะ
เขาเคยให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเดอะการ์เดียน ของอังกฤษ ว่า "เขาไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า และเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนควรกระทำสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้"
"ผมอยู่แบบมีโอกาสเสียชีวิตได้ตลอดระยะเวลา 49 ปีที่ผ่านมา ผมไม่กลัวความตาย แต่ผมก็ไม่รีบที่จะตาย ผมมีสิ่งที่อยากทำอีกมาก"
ขอบคุณที่มา : www.prachachat.net