"ปู-ไปรยา" รับตำแหน่งทูตสันถวไมตรี UNHCR คนแรกของอาเซียน ลั่นอุทิศชีวิตทำงานเพื่อเพื่อนมนุษย์
เมื่อวันที่ 31 มกราคม เวลา 14.00 น. ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ประเทศไทย สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ประกาศแต่งตั้ง ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก นักแสดง-นางแบบสาวชื่อดัง เป็นทูตสันถวไมตรีคนแรกของประเทศไทยและคนแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในขณะที่ "รูเวนดรินี่ เมนิคดิเวล่า" ผู้แทนข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย เผยถึงเหตุผลที่เลือก ปู ไปรยาว่า ตนไม่ได้เลือกปู แต่ปูเลือกที่จะทำงานกับ UNHCR เอง เลือกที่จะทำงานเพื่อสังคม ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาได้เห็นความทุ่มเทแรงกายแรงใจของปู จึงดีใจที่ได้ปูมาทำงานด้วย
หลังจากนี้ปูจะต้องปฏิบัติงานเพื่อผู้ลี้ภัยทั้งในเมืองไทยและทั่วโลก ร่วมกับบุคคลผู้มีชื่อเสียงระดับโลกของ UNHCR เช่น แองเจลินา โจลี ทูตพิเศษของ UNHCR รวมถึงบรรดาทูตสันถวไมตรีคนอื่นๆ อาทิ เคต บลานเชตต์, จอง อู ซอง ดาราเกาหลี และ เหยา เฉิน จากประเทศจีน โดยภารกิจแรกในวันที่ 5-8 กพ. ปูจะเดินทางไปยังค่ายผู้ลี้ภัยที่ประเทศจอร์แดนเป็นแห่งแรก
คำกล่าวของคุณปู ไปรยาในการขึ้นรับตำแหน่งทูตสันถวไมตรี UNHCR
"สวัสดีค่ะแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ในอันดับแรกปูขอขอบพระคุณทุกท่านที่สละเวลา มาให้กำลังใจปู ณ ที่นี่ ในวันสำคัญที่สุดของปู ปูซึ้งใจเป็นอย่างมากค่ะ
นอกจากวันนี้เป็นวันสำคัญของปูยังเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ ช่วงเวลาที่โลกเกิดวิกฤติทางมนุษยธรรม ช่วงเวลานี้ ทั่วโลกมีทั้งเด็กและผู้หญิง กว่า 65 ล้านคน ที่จำเป็นต้องหนีออกจากบ้านตนเอง เพราะสงครามและความรุนแรง ซึ่ง65 ล้านคนนั้นเป็นจำนวนสูงที่สุดนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และกำลังจะเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้
ในวันที่ปูได้เห็นภาพของผู้ลี้ภัย ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด สิ้นหวัง และต้องการความช่วยเหลือ ในคืนนั้นเองปูนอนไม่หลับ เพราะตัดสินใจว่าปูคงต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อช่วยเหลือพวกเขา ปูจึงตัดสินใจค้นหาหน่วยงาน ที่ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยโดยตรง และชื่อ UNHCR ก็ปรากฏขึ้นมา ปูถึงเขียนอีเมลล์ ถึง UNHCR โดยปูไม่รู้จักใคร
ตั้งแต่วันนั้น เกือบ 3 ปีมาแล้ว ที่ปูได้มีโอกาสที่ดีในการพิสูจน์คุณค่าของการมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น ปูได้ร่วมงานกับ UNHCR เพื่อช่วยสร้างการรับรู้ เกี่ยวกับผู้ลี้ภัย ช่วยรวมทุนและรณรงค์ มอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแก่ผู้ลี้ภัยทั่วโลก ปูได้เดินทางไปเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัยจำนวน 4 แห่ง ได้พูดคุย ได้เรียนรู้ ได้เห็นความเป็นอยู่ ได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเค้า ทำให้ปู มีเรื่องราวประทับใจที่อยากจะเล่าให้แขกผู้มีเกียรติทุกท่านฟังในวันนี้ค่ะ
ครั้งหนึ่งปูได้พบกับน้องตันดา เด็กอายุ 13 ปี เด็กผู้หญิงคนนี้ อาศัยอยู่กับยายเพียงแค่ 2 คนในค่ายผู้ลี้ภัย ต้องตันดาพลัดพรากจากพ่อแม่ ทั้งชีวิตนี้เหลือเพียงแค่คุณยายเพียงคนเดียว แต่ซ้ำร้าย คุณยายยังป่วยเป็นอัมพาต ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทุกวันน้องตันดาจะต้องดูแลคุณยาย ป้อนข้าว ป้อนยา เช็ดตัว ทำอาหารให้คุณยาย จึงได้ไปโรงเรียน
เมื่อปูถามว่าน้องตันดา อยากได้อะไรมากที่สุดในชีวิตนี้ คำตอบที่ปูได้มาก็คือน้องอยากไปเรียนหนังสือ น้องอยากได้อุปกรณ์การเรียน ภายใต้คำตอบนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความหวัง และความตั้งใจของเด็กผู้หญิงอายุ 13 ปี ซึ่งปูได้รับรู้อยู่ตลอดเวลา
เรื่องนี้สะท้อนใจปูค่อนข้างมาก เพราะปูเองก็เข้าวงการตั้งแต่อายุ 13 ตอนนั้นปูไม่มีความสุขเพราะปูคิดว่าภาระของปูเกินตัว และเกินวัยตัวเองมาก เพราะปูแค่อยากอยู่กับเพื่อน ไม่ได้อยากทำงาน แต่พอปูได้เจอน้องตันดา ซึ่งมองเห็นถึงภาระการดูแลคุณยายของตนเองว่าเป็นความสุขที่สุดในชีวิตของเขา การได้กอด การได้อยู่กับคุณยายเขานั้น คือกำลังใจอย่างเดียวที่เธอต้องการเพื่อเดินหน้าต่อไป
การที่ได้เจอเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ผู้มีหัวใจที่เข้มแข็งและยิ่งใหญ่เกินวัยตัวเอง ทำให้ปูมั่นใจว่าปูจะต้องเป็นเสียงให้กับเด็กผู้ลี้ภัยที่ต้องตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับน้องตันดาอีกมากมายทั่วโลก
ปูคิดว่านี่แหละค่ะคือภาพของผู้ลี้ภัยที่ปูอยากให้ทุกคนรู้จัก ปูเชื่อว่าความรักไม่ใช่สิ่งที่แบ่งแยกได้ ไม่มีขอบเขต ไม่ว่าเราจะเกิดจากที่ไหน สีผิวอะไร นับถือศาสนาใด หรือพูดภาษาเดียวกันหรือไม่ เมื่อเราสูญเสียคนที่เรารัก เผชิญหน้ากับความเจ็บปวด หรืออยู่ในห้วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิต
เรามีความรู้สึกที่ไม่แตกต่างกัน ความรู้สึกนั้นเราสามารถสื่อกันได้โดยไม่ต้องใช้คำพูด ‘เพราะเราคือมนุษย์’
ผู้ลี้ภัยที่ผ่านความโหดร้ายอย่างแสนสาหัสและสูญเสียทุกสิ่ง แต่สิ่งที่ปูชื่นชมที่สุดคือพวกเขาไม่เคยสิ้นหวัง ความเข้มแข็งและกล้าหาญของพวกเขาคือสิ่งที่ผู้ลี้ภัยได้แสดงเห็นถึงความเป็นมนุษย์ ที่บางครั้งอาจจะเปราะบาง แต่ไม่เคยอ่อนแอ
ทกวันสามหมื่นสี่พันคนต้องลี้ภัยออกจากบ้านตนเองเพราะสงครามที่โหดร้าย ทั้งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างยาวนานและไม่มีท่าทีว่าจะจบ อย่างเช่นสงครามในเซาท์ซูดาน และยังมีสงครามที่เป็นวิกฤติของโลกอย่างเช่นสงครามซีเรีย
เหตุการณ์เหล่านี้กำลังเกิดขึ้นในยุคของเรา เรามีหน้าที่ที่จะช่วยกันสร้างความเปลี่ยนแปลงและส่งต่อโลกที่ดีกว่ายุคของเราให้กับยุคต่อไป
UNHCR ตั้งใจจะช่วยเหลือพวกเขาอย่างยั่งยืน โครงการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยของ UNHCR จะคำนึงถึงศักยภาพของพวกเขา ฟังความคิดเห็น และให้พวกเขามีส่วนร่วมในการ่วยเหลือชุมชนตัวเอง สิ่งที่ปูได้ไปเห็นจึงเป็นโครงการดีๆ เช่นการให้ความคุ้มครอง ฝึกทักษะ ที่สอนให้ผู้ลี้ภัยสามารถพึ่งพาตนเองได้และก็สร้างประโยชน์ให้กับสังคม รวมถึงมอบทางออกถาวรให้กับผู้ลี้ภัย
วันนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของภารทำงานกับ UNHCR อย่างเป็นทางการของปู ปูรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูง ปูขอแสดงความขอบคุณกับรัฐบาลไทยที่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง ปูขอบคุณจากใจจริงๆค่ะ ปูขอบคุณคุณรูเวนและก็ทาง UNHCR ที่ให้ความมั่นใจและก็เชื่อใจในนักแสดงคนนี้
ภารกิจของ UNHCR ในปัจจุบันมีความซับซ้อนในขอบเขตที่กว้างใหญ่และใช้เวลายาวนานนับสิบปีในการแก้ไขปัญหา ซึ่งปูขอยืนหยัดจะเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจครั้งนี้ และขออุทิศชีวิตนี้ให้กับการทำงานมนุษยธรรมให้กับเพื่อนมนุษย์
ถ้าจะให้ปูพูดถึง ‘บ้าน’ ปูนึกถึงประเทศไทย ปูรักบ้านและประเทศของปูมาก และถ้าชีวิตนี้ปูไม่ได้กลับบ้านของปูซึ่งเต็มไปด้วยความทรงจำและก็ความอบอุ่น ปูจะพยายามจนสิ้นลมหายใจสุดท้ายของปูเพื่อได้กลับบ้าน
เพราะสุดท้ายที่สุด บ้านคือสิ่งสำคัญที่สุดในหัวใจทุกคน ขอบพระคุณมากค่ะ"
ถอดความโดย พรวิสาข์ บัวคลี่ และกิตติ คล้ายเกิด