สิงคโปร์ถือเป็นประเทศที่มีเด็กที่เรียนเก่งที่สุดติดอันดับโลก และครองแชมป์อันดับ 1 ของโลกในการสอบประเมินนักเรียนนานาชาติ (PISA) หลายต่อหลายครั้งเลยที่เดียว ซึ่งทำให้พ่อแม่สิงคโปร์มองว่าผลการสอบเป็นเครื่องตัดสินชะตาชีวิตของลูกตัวเอง พูดง่ายๆ ก็คือถ้าเด็กสอบได้คะแนนมากเท่ากับประสบความสำเร็จ แต่ถ้าสอบได้คะแนนน้อยเท่ากับล้มเหลวในอนาคตแน่นอน ค่านิยมแบบนี้เรียกว่า “ค่านิยมการตัดสินอนาคตเด็กด้วยคะแนนสอบ” จนเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจชาวสิงคโปร์ขึ้น เมื่อเด็กนักเรียนวัย 11 ปีกระโดดตึกฆ่าตัวตาย เนื่องจากถูกต่อว่าเรื่องผลสอบสำเร็จการศึกษาระดับประถม (PSLE) ทำให้บรรดาชาวเมืองออกมารณรงค์ต่อต้านการยึดค่านิยมผิดๆ ของผู้ปกครอง โดยหลายคนโพสต์ผลการเรียนพร้อมระบุอาชีพในปัจจุบัน พร้อมข้อความเตือนสติผู้ปกครองเหล่านั้นให้เลิกกดดันเด็กซะที
ถึงแม้เด็กสิงคโปร์ส่วนใหญ่จะถูกพ่อแม่กดดันให้หมกมุ่นกับการเรียนและการเอาชนะเพื่อนในห้องเรียน แต่กลับพบว่าเด็กเหล่านั้นมีทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมแย่กว่าประเทศในอาเซียนถึง 25% ทำให้สิงคโปร์ได้ปรับนโยบายการศึกษาใหม่ โดยลดการให้เกรดในราวิชาและไปเน้นเรื่องของนวัตกรรมใหม่ๆ ในระดับพื้นฐานแทน
ซึ่งในปัจจุบันโรงเรียนของรัฐบาลสิงคโปร์หลายแห่งทยอยเปิดสอนมีรายวิชาที่ไม่มีเกรด การสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ปรับให้มีคะแนน 10% ให้กับความถนัดทางเชาว์ปัญญา (Aptitude Test) รวมไปถึงหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยได้ยกเลิกการจ้างคนเข้ามาทำงานโดยการดูจากผลการเรียนเพียงอย่างเดียวอีกด้วย
ทำให้นักเรียนสิงคโปร์รุ่นใหม่ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องการสอบเรื่องเกรดอีกต่อไป แต่ถึงอย่างไรก็ตามทางโรงเรียนจะเป็นฝ่ายที่กระตุ้นพฤติกรรมของเด็ก ให้แสดงออกมาเพื่อพัฒนาศักยภาพของตัวเองด้านความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมให้มากขึ้น ส่วนในเรื่องของการผลสอบสำเร็จการศึกษาระดับประถม (PSLE) ก็จะไม่ระบุเกรดอีกต่อไป