เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว ธุรกิจค้าปลีกถูกแบ่งเป็นรูปแบบ “E-Commerce” กับ “Brick-and-mortar” (หน้าร้าน ตั้งอยู่ตามทำเลต่างๆ) อย่างชัดเจน แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ และนับจากนี้เป็นต้นไป ค้าปลีกทั้งสองแอเรียกำลังถูกผสมผสาน (Integrate) เป็นเนื้อเดียวกัน โดยมี “เทคโนโลยี” เป็นตัวเชื่อมต่อ เพื่อสร้างสิ่งที่เรียกว่า “Seamless Shopping Experience” ให้กับผู้บริโภค
เหมือนกรณีศึกษาล่าสุด หลังจาก “Amazon” เว็บไซต์อะเมซอน ที่เติบโตและประสบความสำเร็จจากการเป็น E-Commerce ได้เผยโฉมบริการใหม่ “Amazon Go” ที่ใช้เวลา 4 ปีในการพัฒนา โดยเป็นร้านค้าจริง (Brick-and-mortar) เหมือนกับซุปเอร์มาร์เก็ต จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังมีห้องครัวและเชฟทำเมนูอาหารเช้า – กลางวัน – เย็น และขนมสดใหม่ทุกวัน
ความน่าสนใจของ “Amazon Go” อยู่ตรงที่การนำ “เทคโนโลยี” ประเภทเดียวกับเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ มาสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ ที่ลูกค้าสามารถบริหารจัดการการช้อปปิ้งได้ด้วยตัวเองตั้งแต่ต้น จนจบกระบวนการซื้อสินค้า โดยไม่ต้องเสียเวลาเข้าคิวจ่ายเงินอีกต่อไป
ขั้นตอนง่ายๆ เพียงแค่ก่อนเข้าร้าน ลูกค้าเปิดแอพพลิเคชั่น Amazon Go แล้วสแกนแอพพลิเคชั่นผ่านทางเข้าหน้าร้าน จากนั้นก็เดินเลือกสินค้าต่างๆ โดยในร้านมีเทคโนโลยี Computer Vision, Sensor Fusion และ Deep Learning ทำหน้าที่ติดตามและประมวลผลการจับจ่ายของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ
ดังนั้น ไม่ว่าลูกค้าจะหยิบสินค้าประเภทไหน หยิบจำนวนเท่าไร ราคาเท่าใด หรือแม้แต่หยิบมาแล้ว แต่เปลี่ยนใจไม่เอา นำไปวางที่ชั้นวาง เทคโนโลยีดังกล่าวจะติดตามการช้อปปิ้งของลูกค้า จากนั้นเมื่อซื้อสินค้าเสร็จ ก็เดินออกจากร้านได้ทันที เพียงไม่นาน ระบบจะตัดเงินผ่าน Amazon Account และส่งใบเสร็จมาให้
อย่างไรก็ตามขณะนี้ Amazon Go ยังอยู่ในช่วงทดลองใช้งานที่เปิดให้บริการเฉพาะพนักงาน Amazon เท่านั้น ส่วนสาขาแรกที่จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ เริ่มในปี 2017 ที่ซีแอตเทิล ขนาดพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 1,800 ตารางฟุต พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายต้องการเปิด 2,000 สาขาทั่วสหรัฐอเมริกา