หน้าแรก คลังความรู้ การพัฒนาตนเอง

เขียน "โค้ด" ไม่เก่ง? แต่อยากทำงานในสายเทคโนโลยี!!! จบแล้วไปไหนต่อได้?

วันที่เวลาโพส 17 มกราคม 68 14:39 น.
อ่านแล้ว 0
ไต๋เอง AP
เขียน "โค้ด" ไม่เก่ง? แต่อยากทำงานในสายเทคโนโลยี!!! จบแล้วไปไหนต่อได้?
   หลายคนอาจรู้สึกว่าการเขียนโปรแกรมมันดูเป็นทักษะที่เรียนรู้ยาก หรืออาจจะไม่เก่งในการเขียนโปรแกรมเลย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าโอกาสในการทำงานหรือการพัฒนาตัวเองจะหมดไปเลย! จริงๆ แล้ว การเขียนโปรแกรมเป็นทักษะที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาได้เรื่อยๆ แม้คุณจะเริ่มต้นจากจุดที่ไม่มั่นใจหรือเริ่มจากศูนย์ก็ตาม ฉนั้นเรามีทางเลือกมากมายดังต่อไปนี้!!~


ไปไหนต่อได้?
1.เริ่มจากการพัฒนาทักษะพื้นฐาน
หากรู้สึกว่าเขียนโปรแกรมไม่เก่ง ยังมีโอกาสในการพัฒนาทักษะพื้นฐานด้วยการฝึกฝนจาก คอร์สออนไลน์ หรือ หนังสือ
เช่น

- คอร์สเรียนภาษาโปรแกรมพื้นฐาน เช่น Python, JavaScript, หรือ Java ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
  • การเรียน Python สำหรับมือใหม่
  • JavaScript และการพัฒนาเว็บเบื้องต้น
  • HTML และ CSS สำหรับการสร้างเว็บไซต์
    โดยเนื้อหาส่วนใหญ่มักจะฟรีหรือมีราคาประหยัด

- วิดีโอสอนฟรีใน YouTube

  • ช่องสอนเขียนโค้ดชื่อดัง เช่น freeCodeCamp.org, CS Dojo, หรือ The Net Ninja

- เข้าร่วมชุมชนผู้เรียนรู้ การมีเพื่อนร่วมทางจะช่วยเพิ่มแรงจูงใจได้นะ

  • สมัครเข้ากลุ่มใน Facebook หรือ Discord
  • เข้าร่วมฟอรัมออนไลน์ เช่น Stack Overflow หรือ Reddit

2.เลือกอาชีพที่ไม่ต้องเขียนโปรแกรมเยอะ
หากคุณรู้สึกว่าเขียนโปรแกรมไม่เก่งจริง ๆ หรือไม่ถนัดงานที่ต้องเขียนโค้ดโดยตรง ยังมีงานในสายเทคโนโลยีมากมายที่เปิดโอกาสให้คุณได้ใช้ทักษะอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการเขียนโปรแกรมในระดับสูง แต่ยังคงเกี่ยวข้องกับโลกดิจิทัลและเทคโนโลยีอยู่นะ

- Data Analyst
งานวิเคราะห์ข้อมูลเป็นที่ต้องการสูงในปัจจุบัน โดยคุณสามารถใช้เครื่องมืออย่าง Excel, Tableau, หรือ Power BI ในการจัดการและแสดงผลข้อมูล การเขียนโปรแกรมอาจจำเป็นในบางกรณี เช่น การใช้ Python หรือ SQL สำหรับดึงและประมวลผลข้อมูลพื้นฐาน แต่เน้นการตีความและการนำเสนอข้อมูลให้เป็นที่เข้าใจง่าย

- Quality Assurance (QA)
งาน QA หรือการทดสอบซอฟต์แวร์ เป็นบทบาทที่สำคัญในการตรวจสอบโปรแกรมและแอปพลิเคชันก่อนปล่อยใช้งานจริง คุณจะต้องมีความละเอียดรอบคอบในการตรวจจับข้อบกพร่อง (Bug) และเสนอแนวทางปรับปรุง แต่ไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดทั้งหมดเอง หากคุณมีความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับระบบและรู้จักเครื่องมือช่วยทดสอบ เช่น Selenium หรือ JIRA ก็เพียงพอ

- UI/UX Designer
หากคุณชื่นชอบงานออกแบบและการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ผู้ใช้ (User Experience) การเป็น UI/UX Designer เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม คุณจะได้ทำงานเกี่ยวกับการออกแบบอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย สวยงาม และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ โดยใช้เครื่องมืออย่าง Figma, Adobe XD, หรือ Sketch โดยไม่ต้องพึ่งพาการเขียนโค้ดมากนัก แต่สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจหลักการออกแบบ เช่น การจัดวาง Layout, การเลือกสี, และการใช้ Typography ให้เหมาะสม

3.เข้าร่วมฝึกงานหรือโครงการต่างๆ

การฝึกงานในบริษัทเทคโนโลยีหรือการเข้าร่วมในโครงการโอเพ่นซอร์สเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมในการพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรมและเสริมสร้างความมั่นใจในการทำงานจริง คุณจะได้พบกับปัญหาที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริง ซึ่งแตกต่างจากการฝึกฝนในห้องเรียนหรือออนไลน์ เพราะการแก้ปัญหาเหล่านี้ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ การทำงานเป็นทีม และการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ คุณยังมีโอกาสเรียนรู้จากเพื่อนร่วมทีมและผู้เชี่ยวชาญในสายงาน เช่น นักพัฒนาซอฟต์แวร์มืออาชีพ หรือวิศวกรระบบที่มีประสบการณ์ การได้รับคำแนะนำและคำติชมตรงจากผู้ที่ทำงานในอุตสาหกรรมจะช่วยให้คุณเข้าใจมาตรฐานการทำงาน การเขียนโค้ดอย่างมีประสิทธิภาพ และการออกแบบระบบที่ดี

โครงการโอเพ่นซอร์สยังเป็นแหล่งฝึกฝนที่น่าสนใจ เพราะเปิดโอกาสให้คุณมีส่วนร่วมกับชุมชนระดับโลก สามารถทำงานร่วมกับโปรเจกต์ขนาดใหญ่ เช่น GitHub หรือ GitLab เรียนรู้การจัดการเวอร์ชันของโค้ด การเขียนเอกสารประกอบที่ชัดเจน และการสื่อสารกับผู้มีส่วนร่วมในโครงการจากทั่วโลก

การฝึกงานหรือเข้าร่วมโครงการเหล่านี้ไม่เพียงช่วยพัฒนาทักษะการเขียนโปรแกรม แต่ยังช่วยเพิ่มประสบการณ์ในประวัติส่วนตัวของคุณ สร้างเครือข่ายทางวิชาชีพ และเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าสู่ตลาดงานในอนาคต

4.พัฒนาทักษะในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี
เรียนสาขาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัลหรือการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็นต้องเขียนโปรแกรมเก่งก็สามารถประสบความสำเร็จได้ มีหลายสาขาที่เน้นทักษะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ซึ่งสามารถพัฒนาไปสู่เส้นทางอาชีพที่น่าสนใจ เช่น

  • สาขาเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology):
    เน้นการทำงานกับระบบดิจิทัล เช่น การจัดการข้อมูล (Data Management), การออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ (Web Development), การสร้างเนื้อหาเชิงมัลติมีเดีย (Multimedia Content Creation) หรือแม้กระทั่งการทำงานด้าน Digital Marketing ที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้บนโลกออนไลน์

  • การพัฒนาแอปพลิเคชัน (Application Development):
    แม้ว่าอาชีพนี้จะเกี่ยวข้องกับการเขียนโปรแกรม แต่ก็มีบทบาทอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น การออกแบบ UI/UX ที่ช่วยสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม หรือการทำงานในฐานะ Product Manager ที่ดูแลภาพรวมของการพัฒนาแอปให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด

  • สาขานวัตกรรมและการจัดการ (Innovation and Management):
    เป็นสาขาที่เน้นการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในเชิงธุรกิจ เช่น การออกแบบกระบวนการทำงาน (Workflow Design), การจัดการโครงการเทคโนโลยี (Tech Project Management) หรือการวางแผนกลยุทธ์ดิจิทัล

  • วิทยาการข้อมูล (Data Science):
    หากคุณไม่เก่งการเขียนโปรแกรมในระดับลึก คุณยังสามารถเริ่มต้นเรียนรู้พื้นฐานของการวิเคราะห์ข้อมูล เช่น การใช้ Excel, Tableau หรือ Power BI เพื่อสร้างภาพรวมของข้อมูลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย

  • สาขาการออกแบบเชิงโต้ตอบ (Interactive Design):
    เหมาะสำหรับคนที่สนใจด้านการออกแบบและการสร้างประสบการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟ เช่น การออกแบบเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และสื่อการเรียนรู้ดิจิทัล โดยใช้เครื่องมืออย่าง Figma, Adobe XD หรือ Sketch

  • สาขาเครือข่ายและความปลอดภัย (Networking and Security):
    สำหรับผู้ที่สนใจงานด้านระบบเครือข่ายและการรักษาความปลอดภัยในระบบดิจิทัล เช่น การบริหารระบบเซิร์ฟเวอร์, การตั้งค่าและดูแลเครือข่ายองค์กร, หรือการจัดการความปลอดภัยทางไซเบอร์


5.เรียนรู้จากสิ่งที่ชอบ
เลือกสิ่งที่คุณสนใจและเริ่มต้นจากสิ่งที่คุณรู้สึกมีความสุขเมื่อทำ เช่น

  • การออกแบบกราฟิก (Graphic Design):
    หากคุณชอบงานที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์ คุณสามารถเริ่มต้นจากการเรียนรู้เครื่องมือพื้นฐาน เช่น Adobe Photoshop, Illustrator หรือ Canva เพื่อสร้างงานออกแบบ เช่น โปสเตอร์ โลโก้ หรือแบนเนอร์สำหรับสื่อโซเชียล การออกแบบกราฟิกไม่เพียงแค่ใช้ศิลปะ แต่ยังช่วยพัฒนาทักษะการเล่าเรื่องผ่านภาพ (Visual Storytelling) ที่มีความสำคัญในยุคดิจิทัล

  • การพัฒนาเว็บไซต์ (Web Development):
    หากคุณสนใจการสร้างเว็บไซต์ เริ่มต้นได้ด้วยการเรียนรู้ HTML, CSS และ JavaScript สำหรับการออกแบบเว็บไซต์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน หรือใช้เครื่องมือสร้างเว็บไซต์อย่าง WordPress, Wix หรือ Squarespace สำหรับการพัฒนาเว็บไซต์โดยไม่ต้องเขียนโค้ดมากนัก

  • การสร้างสื่อมัลติมีเดีย (Multimedia Content Creation):
    สำหรับผู้ที่ชอบงานที่ผสมผสานระหว่างเสียง ภาพ และวิดีโอ คุณสามารถเรียนรู้การตัดต่อวิดีโอด้วยโปรแกรมอย่าง Adobe Premiere Pro, Final Cut Pro หรือ DaVinci Resolve นอกจากนี้ การสร้างแอนิเมชันด้วย After Effects ก็เป็นอีกทักษะที่ได้รับความนิยม

  • การทำงานด้านเกม (Game Development):
    ถ้าคุณชอบเล่นเกม คุณสามารถเริ่มต้นเรียนรู้การออกแบบเกม (Game Design) หรือการพัฒนาเกมด้วยเครื่องมืออย่าง Unity หรือ Unreal Engine ซึ่งมีทั้งแบบที่ต้องใช้โปรแกรมมิ่งและไม่ต้องเขียนโปรแกรม

  • การเขียนและการเล่าเรื่อง (Creative Writing):
    หากคุณสนใจการสร้างเนื้อหา เช่น การเขียนบทความ การเล่าเรื่อง (Storytelling) หรือการทำ Content Marketing คุณสามารถเริ่มจากการเขียนบล็อกส่วนตัวหรือสร้างคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Medium หรือ LinkedIn

  • การพัฒนาแอปพลิเคชัน (App Development):
    สำหรับผู้ที่อยากพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือแต่ไม่ชอบการเขียนโปรแกรมหนัก ๆ สามารถใช้แพลตฟอร์มที่มีเครื่องมือ Low-Code/No-Code เช่น Glide, Adalo หรือ Bubble


6.พัฒนาตัวเองต่อเนื่อง
อย่ายอมแพ้! การพัฒนาทักษะเขียนโปรแกรมหรือทักษะใด ๆ ไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลลัพธ์ของความพยายามและการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอหรือหากคุณไม่มั่นใจในการเขียนโปรแกรม แต่มุ่งมั่นที่จะทำธุรกิจ คุณอาจลองเปิดธุรกิจในด้านเทคโนโลยี โดยอาจจะร่วมกับผู้ที่มีทักษะการเขียนโปรแกรมหรือผู้ที่มีทักษะการพัฒนาแอปพลิเคชันเป็นเพื่อนรวม
ธุรกิจก็ได้


สรุป
แม้คุณจะรู้สึกว่า "เขียนโปรแกรมไม่เก่ง" แต่มีหลายทางเลือกที่สามารถพัฒนาและต่อยอดได้ อาจจะเริ่มจากการฝึกฝนเพิ่มเติมในสายงานที่เกี่ยวข้อง หรือเลือกอาชีพในสายเทคโนโลยีที่ไม่ต้องการทักษะการเขียนโปรแกรมมากนัก สำคัญที่สุดคือการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องและไม่ยอมแพ้


 

คนอื่นๆอ่านเรื่องนี้ แล้วมักจะอ่านเรื่องต่อไปนี้ต่อ

หมวด