ทำพอร์ตให้พิเศษ! พบกับ 10 การสอบที่ทำให้ Portfolio ของคุณโดดเด่นกว่าใคร
วันนี้พี่จะมาแนะนำการทำข้อสอบเอาไว้ไปใส่เป็นผลงานใน portfolio เพื่อที่จะให้น้องๆนั้นสามารถเข้ามหาลัยได้ง่ายยิ่งขึ้นและยังช่วยให้น้องๆนั้นฝึกฝนความเก่งกาจก่อนจะเข้ามหาลัย
SAT: (Scholastic Assessment Test) เป็นการทดสอบมาตรฐานที่ใช้สำหรับการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ซึ่งมหาวิทยาลัยหลายแห่งในประเทศไทย เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในโปรแกรมนานาชาติ ก็ยอมรับคะแนน SAT เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการคัดเลือกนักศึกษา
การสอบ SAT ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก ได้แก่:
Evidence-Based Reading and Writing (EBRW):
- Reading Test: การอ่านบทความหรือข้อความจากแหล่งต่างๆ และตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหานั้นๆ
- Writing and Language Test: การตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์และการใช้ภาษาในข้อความที่ให้มา
Math: การทดสอบทักษะทางคณิตศาสตร์ที่ครอบคลุมเนื้อหาเช่น การแก้สมการ, การวิเคราะห์ข้อมูล, ความน่าจะเป็น, สถิติ, และการวิเคราะห์ทางเรขาคณิต โดยแบ่งเป็นสองส่วน คือ ส่วนที่ใช้เครื่องคิดเลขและส่วนที่ไม่ใช้เครื่องคิดเลข
นอกจากนี้ SAT ยังมีส่วนที่เรียกว่า Essay (ไม่บังคับ) สำหรับผู้สมัครที่ต้องการแสดงทักษะการเขียนเชิงวิเคราะห์โดยการเขียนเรียงความตามหัวข้อที่กำหนด
วิธีเตรียมตัวสำหรับการสอบ SAT
ฝึกทักษะการอ่านและการวิเคราะห์
อ่านบทความจากแหล่งต่างๆ เช่น หนังสือพิมพ์ วารสาร และบทความวิชาการ และฝึกตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง
ฝึกทักษะการเขียน
ฝึกเขียนเรียงความตามหัวข้อที่หลากหลาย โดยเน้นการใช้ไวยากรณ์และการจัดโครงสร้างเรียงความอย่างถูกต้อง
ฝึกทักษะคณิตศาสตร์
ทบทวนเนื้อหาคณิตศาสตร์พื้นฐานและฝึกทำโจทย์คณิตศาสตร์จากแหล่งต่างๆ เช่น หนังสือเรียน SAT หรือแอปพลิเคชันสำหรับเตรียมสอบ SAT
ทำแบบทดสอบจำลอง
ทำแบบทดสอบจำลอง SAT เพื่อประเมินความพร้อมและพัฒนากลยุทธ์การทำข้อสอบ
IELTS/TOEFL: (International English Language Testing System) และ TOEFL (Test of English as a Foreign Language) เป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในระดับสากล ใช้สำหรับวัดทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของผู้สอบในสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ทั้งสองการทดสอบนี้มีความแตกต่างกันในรายละเอียด แต่ทั้งสองอย่างสามารถใช้เป็นหลักฐานในการสมัครเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาในหลายประเทศได้
IELTS แบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก:
- IELTS Academic: สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาและหลักสูตรวิชาชีพ
- IELTS General Training: สำหรับผู้ที่ต้องการย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก หรือทำงานในสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษ
การสอบ IELTS ประกอบด้วย 4 ส่วน:
- Listening: การฟังบทสนทนาหรือการบรรยายและตอบคำถาม (30 นาที)
- Reading: การอ่านบทความจากแหล่งต่างๆ และตอบคำถาม (60 นาที)
- Writing: การเขียนเรียงความหรือบทความตามหัวข้อที่กำหนด (60 นาที)
- Speaking: การสัมภาษณ์และตอบคำถามจากผู้สอบ (11-14 นาที)
TOEFL มักจะใช้ในรูปแบบ TOEFL iBT (Internet-Based Test) ที่นิยมมากที่สุด
การสอบ TOEFL ประกอบด้วย 4 ส่วน:
- Reading: การอ่านบทความจากแหล่งวิชาการและตอบคำถาม (60-80 นาที)
- Listening: การฟังบทสนทนาหรือการบรรยายและตอบคำถาม (60-90 นาที)
- Speaking: การตอบคำถามจากหัวข้อที่กำหนดในรูปแบบการบันทึกเสียง (20 นาที)
- Writing: การเขียนเรียงความหรือบทความตามหัวข้อที่กำหนด (50 นาที)
วิธีเตรียมตัวสำหรับการสอบ IELTS/TOEFL
ฝึกทักษะการฟัง
ฟังบทสนทนาหรือการบรรยายจากแหล่งต่างๆ เช่น YouTube, Podcasts หรือรายการวิทยุ
ฝึกทักษะการอ่าน
อ่านบทความ ข่าว หรือวารสารภาษาอังกฤษ และฝึกตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง
ฝึกทักษะการเขียน
ฝึกเขียนเรียงความหรือบทความตามหัวข้อที่หลากหลาย โดยเน้นการใช้ไวยากรณ์และการจัดโครงสร้างอย่างถูกต้อง
ฝึกทักษะการพูด
ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับเพื่อนหรือครู หรือบันทึกเสียงการพูดของตนเองเพื่อวิเคราะห์และปรับปรุง
ทำแบบทดสอบจำลอง
ทำแบบทดสอบจำลอง IELTS/TOEFL เพื่อประเมินความพร้อมและพัฒนากลยุทธ์การทำข้อสอบ
BMAT: (BioMedical Admissions Test) เป็นการทดสอบที่ใช้ในการคัดเลือกนักศึกษาเข้าศึกษาต่อในคณะแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ในมหาวิทยาลัยหลายแห่งทั่วโลก รวมถึงมหาวิทยาลัยบางแห่งในประเทศไทย
การสอบ BMAT ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่:
Section 1: Aptitude and Skills: วัดความสามารถในการใช้เหตุผล, การแก้ปัญหา และทักษะการคิดวิเคราะห์ โดยประกอบด้วยคำถามที่เกี่ยวข้องกับ
- Critical thinking (การคิดเชิงวิพากษ์)
- Problem solving (การแก้ปัญหา)
- Understanding arguments (การเข้าใจเหตุผล)
Section 2: Scientific Knowledge and Applications: วัดความรู้ทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาจากวิชาชีววิทยา, เคมี, ฟิสิกส์ และคณิตศาสตร์ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
Section 3: Writing Task: การเขียนเรียงความตามหัวข้อที่กำหนด ซึ่งวัดความสามารถในการสื่อสารทางการเขียน, การจัดโครงสร้างของบทความ และการวิเคราะห์หัวข้อที่กำหนด
วิธีเตรียมตัวสำหรับการสอบ BMAT
ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา
ทบทวนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา ฝึกทำแบบฝึกหัดจากหนังสือหรือแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง
ทบทวนความรู้ทางวิทยาศาสตร์
ทบทวนเนื้อหาวิชาชีววิทยา, เคมี, ฟิสิกส์ และคณิตศาสตร์จากหนังสือเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และฝึกทำโจทย์ที่เกี่ยวข้อง
ฝึกการเขียนเรียงความ
ฝึกเขียนเรียงความในหัวข้อที่หลากหลาย โดยเน้นการจัดโครงสร้าง, การวิเคราะห์หัวข้อ, และการใช้ภาษาที่ถูกต้อง
ทำแบบทดสอบจำลอง
ทำแบบทดสอบจำลอง BMAT เพื่อประเมินความพร้อมและพัฒนากลยุทธ์การทำข้อสอบ
เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ
ขยายคลังคำศัพท์ภาษาอังกฤษโดยการอ่านหนังสือพิมพ์, บทความ, หรือการใช้แอปพลิเคชันฝึกคำศัพท์
TU-GET: (Thammasat University General English Test) เป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ใช้สำหรับวัดระดับความรู้และทักษะทางภาษาอังกฤษของนักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไป โดยคะแนนสอบ TU-GET สามารถใช้เป็นหลักฐานในการสมัครเข้าเรียนในหลักสูตรต่างๆ ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเฉพาะหลักสูตรนานาชาติและหลักสูตรที่ต้องการทักษะภาษาอังกฤษสูง
ปัจจุบันมี 2 รูปแบบ คือ TU-GET Paper-based Test (TU-GET PBT) และ TU-GET Computer-based Test (TU-GET CBT)
ความแตกต่างระหว่าง TU-GET CBT และ PBT
CBT ทำข้อสอบผ่านคอมพิวเตอร์ ทดสอบทั้ง 4 ทักษะ คือ Reading, Listening, Speaking และ Writing คะแนนรวม 120 คะแนน
PBT ข้อสอบแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก มีทั้งหมด 3 พาร์ท คือ Structure, Vocabulary และ Reading คะแนนรวม 1,000 คะแนน
นอกจากนี้ บางครั้ง TU-GET อาจมีการทดสอบในส่วนของ Grammar ด้วย เพื่อวัดความรู้ทางไวยากรณ์ของผู้เข้าสอบ
วิธีเตรียมตัวสำหรับการสอบ TU-GET
ฝึกทักษะการฟัง
ฟังบทสนทนาหรือข่าวภาษาอังกฤษจากแหล่งต่างๆ เช่น YouTube, Podcasts, หรือรายการวิทยุ เพื่อพัฒนาทักษะการฟังและความเข้าใจ
ฝึกทักษะการอ่าน
อ่านหนังสือ บทความ ข่าว หรือวารสารภาษาอังกฤษ และฝึกตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่อ่าน
ฝึกทักษะการเขียน
ฝึกเขียนเรียงความหรืออธิบายหัวข้อต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ โดยเน้นการใช้คำศัพท์และไวยากรณ์ที่ถูกต้อง
ฝึกทักษะไวยากรณ์
ทบทวนหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ และทำแบบฝึกหัดไวยากรณ์อย่างสม่ำเสมอ
SWU-SET: (Srinakharinwirot University Standardized English Test) เป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ใช้สำหรับวัดระดับความรู้และทักษะทางภาษาอังกฤษของนักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไป โดยคะแนนสอบ SWU-SET สามารถใช้เป็นหลักฐานในการสมัครเข้าเรียนในหลักสูตรต่างๆ ของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดยเฉพาะหลักสูตรนานาชาติและหลักสูตรที่ต้องการทักษะภาษาอังกฤษสูง
การสอบ SWU-SET ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่:
- Listening: การฟังและตอบคำถามตามเนื้อหาที่ได้ฟัง
- Reading: การอ่านและตอบคำถามตามเนื้อหาที่อ่าน
- Writing: การเขียนตอบคำถามหรือเรียงความตามหัวข้อที่กำหนด
วิธีเตรียมตัวสำหรับการสอบ SWU-SET
ฝึกทักษะการฟัง
ฟังบทสนทนาหรือข่าวภาษาอังกฤษจากแหล่งต่างๆ เช่น YouTube, Podcasts, หรือรายการวิทยุ เพื่อพัฒนาทักษะการฟังและความเข้าใจ
ฝึกทักษะการอ่าน
อ่านหนังสือ บทความ ข่าว หรือวารสารภาษาอังกฤษ และฝึกตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่อ่าน
ฝึกทักษะการเขียน
ฝึกเขียนเรียงความหรืออธิบายหัวข้อต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ โดยเน้นการใช้คำศัพท์และไวยากรณ์ที่ถูกต้อง
ฝึกทักษะไวยากรณ์
ทบทวนหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ และทำแบบฝึกหัดไวยากรณ์อย่างสม่ำเสมอ
CU-TEP : (Chulalongkorn University Test of English Proficiency) เป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งใช้ในการวัดความรู้และทักษะทางภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไป โดยการสอบนี้สามารถใช้เป็นหลักฐานในการสมัครเข้าเรียนในหลักสูตรต่างๆ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงใช้ในหลักสูตรนานาชาติด้วย
การสอบ CU-TEP ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ดังนี้:
- Listening: การฟังและตอบคำถามตามเนื้อหาที่ได้ฟัง
- Reading: การอ่านและตอบคำถามตามเนื้อหาที่อ่าน
- Writing: การเขียนตอบคำถามหรือเรียงความตามหัวข้อที่กำหนด
คะแนนสอบ CU-TEP จะมีผลสำหรับการสมัครเรียนในหลักสูตรที่กำหนด และมักจะใช้ร่วมกับคะแนนสอบอื่นๆ เช่น GAT/PAT หรือ SAT ในกรณีของโปรแกรมนานาชาติ
CU-AAT: (Chulalongkorn University Academic Aptitude Test) เป็นการทดสอบความสามารถทางวิชาการที่จัดโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใช้สำหรับคัดเลือกนักศึกษาเข้าศึกษาต่อในคณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี (หลักสูตรนานาชาติ) ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
การสอบ CU-AAT ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก ได้แก่:
Mathematics: ทดสอบความสามารถทางคณิตศาสตร์ ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาต่างๆ เช่น
- Algebra
- Geometry
- Arithmetic
- Statistics
- Probability
Verbal: ทดสอบทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาต่างๆ เช่น
- Reading comprehension (การอ่านและทำความเข้าใจบทความ)
- Sentence completion (การเติมคำในประโยคให้สมบูรณ์)
- Critical reading (การอ่านเชิงวิเคราะห์)
วิธีเตรียมตัวสำหรับการสอบ CU-AAT
ฝึกทักษะคณิตศาสตร์
ทบทวนเนื้อหาคณิตศาสตร์และฝึกทำโจทย์คณิตศาสตร์จากหนังสือเตรียมสอบหรือแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง
ฝึกทักษะการอ่านและวิเคราะห์
อ่านบทความหรือหนังสือในหลากหลายหัวข้อและฝึกตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง
ฝึกทำข้อสอบจำลอง
ทำแบบทดสอบจำลอง CU-AAT เพื่อประเมินความพร้อมและพัฒนากลยุทธ์การทำข้อสอบ
เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ
ขยายคลังคำศัพท์ภาษาอังกฤษโดยการอ่านหนังสือพิมพ์ บทความ หรือการใช้แอปพลิเคชันฝึกคำศัพท์
CU-ATS: (Chulalongkorn University Academic Testing Service) เป็นการทดสอบที่ใช้ในการคัดเลือกนักศึกษาเข้าศึกษาต่อในคณะต่างๆ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเฉพาะหลักสูตรนานาชาติ การสอบนี้ใช้วัดความรู้และทักษะในหลายด้าน ทั้งวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ ขึ้นอยู่กับคณะที่ต้องการสมัครเข้าเรียน
การสอบ CU-ATS ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่:
Mathematics: ทดสอบความสามารถทางคณิตศาสตร์ ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาต่างๆ เช่น
- Algebra
- Geometry
- Trigonometry
- Calculus
- Statistics
Science: ทดสอบความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในสาขาต่างๆ เช่น
- Physics
- Chemistry
- Biology
English: ทดสอบทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาต่างๆ เช่น
- Reading comprehension
- Writing and language usage
วิธีเตรียมตัวสำหรับการสอบ CU-ATS
ฝึกทักษะคณิตศาสตร์
ทบทวนเนื้อหาคณิตศาสตร์ที่เกี่ยวข้องและฝึกทำโจทย์จากแหล่งต่างๆ เช่น หนังสือเรียน SAT, CU-ATS หรือแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง
ฝึกทักษะทางวิทยาศาสตร์
ทบทวนเนื้อหาวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง และทำแบบฝึกหัดหรือข้อสอบจากแหล่งต่างๆ เช่น หนังสือเรียนหรือแบบฝึกหัด SAT II ในวิชาวิทยาศาสตร์
ฝึกทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ
อ่านบทความหรือหนังสือในหัวข้อต่างๆ และฝึกตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง รวมถึงฝึกเขียนเรียงความหรือบทความในหัวข้อต่างๆ เพื่อพัฒนาทักษะการเขียน
ทำข้อสอบจำลอง
ทำแบบทดสอบจำลอง CU-ATS เพื่อประเมินความพร้อมและพัฒนากลยุทธ์การทำข้อสอบ
เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ
ขยายคลังคำศัพท์ภาษาอังกฤษโดยการอ่านหนังสือพิมพ์, บทความ, หรือการใช้แอปพลิเคชันฝึกคำศัพท์
CU-TAD: (Chulalongkorn University Test of Aptitude in Design) เป็นการทดสอบความถนัดด้านการออกแบบที่จัดขึ้นโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อใช้ในการคัดเลือกนักศึกษาเข้าศึกษาต่อในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
การสอบ CU-TAD ประกอบด้วยการทดสอบหลายส่วนที่เกี่ยวข้องกับทักษะการออกแบบและศิลปะ เช่น:
Drawing and Visual Perception: วัดทักษะในการวาดภาพและการรับรู้ทางสายตา
Design Thinking and Problem Solving: วัดความสามารถในการคิดเชิงออกแบบและการแก้ปัญหา
Art and Design Knowledge: วัดความรู้ด้านศิลปะและการออกแบบ
วิธีเตรียมตัวสำหรับการสอบ CU-TAD
ฝึกทักษะการวาดภาพ
ฝึกวาดภาพตามแบบต่างๆ และฝึกการวาดภาพที่ต้องใช้จินตนาการ
เรียนรู้หลักการออกแบบ
ศึกษาหลักการออกแบบและฝึกการคิดเชิงออกแบบในการแก้ปัญหาต่างๆ
ศึกษาศิลปะและประวัติศาสตร์ศิลปะ
ทบทวนความรู้เกี่ยวกับศิลปะและประวัติศาสตร์ศิลปะ เพื่อให้เข้าใจแนวคิดและผลงานของศิลปินต่างๆ
ทำแบบฝึกหัดและข้อสอบเก่า
ฝึกทำแบบฝึกหัดและข้อสอบเก่าของ CU-TAD เพื่อทำความเข้าใจกับรูปแบบคำถามและแนวทางการตอบข้อสอบ
CU-SSEPT: (Chulalongkorn University Standardized Test of English Proficiency for Graduate Studies) เป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษที่จัดขึ้นโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใช้ในการวัดทักษะทางภาษาอังกฤษสำหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา
การสอบ CU-SSEPT ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่:
- Listening: การฟังบทสนทนาหรือการบรรยายและตอบคำถาม
- Reading: การอ่านบทความจากแหล่งต่างๆ และตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง
- Writing: การเขียนเรียงความหรือบทความตามหัวข้อที่กำหนด
วิธีเตรียมตัวสำหรับการสอบ CU-SSEPT
ฝึกทักษะการฟัง
ฟังบทสนทนาหรือการบรรยายจากแหล่งต่างๆ เช่น YouTube, Podcasts หรือรายการวิทยุ
ฝึกทักษะการอ่าน
อ่านบทความหรือหนังสือในหัวข้อต่างๆ และฝึกตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง
ฝึกทักษะการเขียน
ฝึกเขียนเรียงความหรือบทความตามหัวข้อที่หลากหลาย โดยเน้นการใช้ไวยากรณ์และการจัดโครงสร้างอย่างถูกต้อง
ทำแบบทดสอบจำลอง
ทำแบบทดสอบจำลอง CU-SSEPT เพื่อประเมินความพร้อมและพัฒนากลยุทธ์การทำข้อสอบ
Portfolio ที่โดดเด่นควรมีอะไรบ้าง
เนื้อหาที่หลากหลาย
- ผลงานด้านวิชาการ: คะแนนสอบ, ผลการเรียน, โครงการวิจัย
- กิจกรรมนอกหลักสูตร: กิจกรรมชุมนุม, การแข่งขัน, การฝึกงาน
- ทักษะและความสามารถพิเศษ: การใช้ภาษาต่างประเทศ, ทักษะด้านคอมพิวเตอร์, งานศิลปะ
การนำเสนอที่สร้างสรรค์
- การจัดรูปแบบ: ใช้สีสันและการจัดวางที่น่าสนใจ, อ่านง่ายและสะอาดตา
- สื่อมัลติมีเดีย: ภาพถ่าย, วิดีโอ, กราฟิกส์ที่สวยงาม
การเน้นจุดแข็ง
- การระบุความสำเร็จ: โชว์รางวัล, ประกาศนียบัตร, ความสำเร็จที่ภาคภูมิใจ
- ความคิดสร้างสรรค์: โครงการหรือผลงานที่คุณสร้างสรรค์ขึ้นมาเอง
เรื่องราวและประสบการณ์
- การเล่าเรื่อง: เล่าประสบการณ์ที่ทำให้คุณเป็นคุณ, สิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากแต่ละกิจกรรม
- การแสดงบุคลิกภาพ: ให้ผู้อ่านได้รู้จักตัวตนของคุณ, ความสนใจและเป้าหมายในอนาคต
การอ้างอิงและคำชม
- จดหมายรับรอง: จากอาจารย์, ผู้บังคับบัญชา หรือผู้มีชื่อเสียง
- คำชม: ความคิดเห็นจากคนที่เคยร่วมงานกับคุณ, การให้คะแนนหรือคำชมจากกิจกรรมต่างๆ
การจัดระเบียบและความเป็นมืออาชีพ
- โครงสร้างชัดเจน: มีสารบัญ, แยกหมวดหมู่ชัดเจน
- การพิสูจน์อักษร: ไม่มีข้อผิดพลาดในการพิมพ์, ภาษาและไวยากรณ์ถูกต้อง
การปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ
- การอัปเดต: ปรับปรุงและเพิ่มเติมผลงานและประสบการณ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ
- การปรับเปลี่ยนตามคณะ/สาขา: ปรับแต่งพอร์ตให้เหมาะสมกับคณะที่ต้องการสมัคร
ความเป็นตัวเอง
- การแสดงความเป็นเอกลักษณ์: แสดงให้เห็นถึงตัวตนและความเป็นเอกลักษณ์ของคุณอย่างชัดเจน
- ความจริงใจ: ทุกอย่างในพอร์ตควรเป็นความจริง และแสดงถึงตัวตนของคุณอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ข้อมูลเรื่องราคาค่าสมัครอาจจะมีการคลาดเคลื่อนเล็กน้อย อย่าลืมทำ portfolio ให้ดูเด่นและเจ๋งล่ะ การสอบนี้เป็นเพียงสะพานที่จะทำให้น้องๆนั้นเข้ามหาลัยในฝันได้ง่ายยิ่งขึ้น พี่ก็ขอให้น้องๆนั้นสอบติดและหามหาลัยที่ถูกใจได้ไวน๊าาาา
อ้างอิง
SWU
CU
TU
BMAT
SAT
IELTS/TOEFL