หน้าแรก คลังความรู้ การพัฒนาตนเอง

ทำพอร์ตให้พิเศษ! พบกับ 10 การสอบที่ทำให้ Portfolio ของคุณโดดเด่นกว่าใคร

วันที่เวลาโพส 14 มิถุนายน 67 11:51 น.
อ่านแล้ว 0
พี่ Hyskoa Inwza

      ทำพอร์ตให้พิเศษ! พบกับ 10 การสอบที่ทำให้ Portfolio ของคุณโดดเด่นกว่าใคร 
      วันนี้พี่จะมาแนะนำการทำข้อสอบเอาไว้ไปใส่เป็นผลงานใน portfolio เพื่อที่จะให้น้องๆนั้นสามารถเข้ามหาลัยได้ง่ายยิ่งขึ้นและยังช่วยให้น้องๆนั้นฝึกฝนความเก่งกาจก่อนจะเข้ามหาลัย


   SAT: (Scholastic Assessment Test) เป็นการทดสอบมาตรฐานที่ใช้สำหรับการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ซึ่งมหาวิทยาลัยหลายแห่งในประเทศไทย เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในโปรแกรมนานาชาติ ก็ยอมรับคะแนน SAT เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการคัดเลือกนักศึกษา 
   การสอบ SAT ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก ได้แก่: 
   Evidence-Based Reading and Writing (EBRW): 
   - Reading Test: การอ่านบทความหรือข้อความจากแหล่งต่างๆ และตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหานั้นๆ 
   - Writing and Language Test: การตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์และการใช้ภาษาในข้อความที่ให้มา 
   Math: การทดสอบทักษะทางคณิตศาสตร์ที่ครอบคลุมเนื้อหาเช่น การแก้สมการ, การวิเคราะห์ข้อมูล, ความน่าจะเป็น, สถิติ, และการวิเคราะห์ทางเรขาคณิต โดยแบ่งเป็นสองส่วน คือ ส่วนที่ใช้เครื่องคิดเลขและส่วนที่ไม่ใช้เครื่องคิดเลข 
   นอกจากนี้ SAT ยังมีส่วนที่เรียกว่า Essay (ไม่บังคับ) สำหรับผู้สมัครที่ต้องการแสดงทักษะการเขียนเชิงวิเคราะห์โดยการเขียนเรียงความตามหัวข้อที่กำหนด 
   วิธีเตรียมตัวสำหรับการสอบ SAT 
   ฝึกทักษะการอ่านและการวิเคราะห์ 
   อ่านบทความจากแหล่งต่างๆ เช่น หนังสือพิมพ์ วารสาร และบทความวิชาการ และฝึกตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง 
   ฝึกทักษะการเขียน 
   ฝึกเขียนเรียงความตามหัวข้อที่หลากหลาย โดยเน้นการใช้ไวยากรณ์และการจัดโครงสร้างเรียงความอย่างถูกต้อง 
   ฝึกทักษะคณิตศาสตร์ 
   ทบทวนเนื้อหาคณิตศาสตร์พื้นฐานและฝึกทำโจทย์คณิตศาสตร์จากแหล่งต่างๆ เช่น หนังสือเรียน SAT หรือแอปพลิเคชันสำหรับเตรียมสอบ SAT 
   ทำแบบทดสอบจำลอง 
   ทำแบบทดสอบจำลอง SAT เพื่อประเมินความพร้อมและพัฒนากลยุทธ์การทำข้อสอบ 
 
   IELTS/TOEFL: (International English Language Testing System) และ TOEFL (Test of English as a Foreign Language)   เป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในระดับสากล ใช้สำหรับวัดทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของผู้สอบในสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ทั้งสองการทดสอบนี้มีความแตกต่างกันในรายละเอียด แต่ทั้งสองอย่างสามารถใช้เป็นหลักฐานในการสมัครเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาในหลายประเทศได้ 
   IELTS แบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก: 
   - IELTS Academic: สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาและหลักสูตรวิชาชีพ 
   - IELTS General Training: สำหรับผู้ที่ต้องการย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก หรือทำงานในสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษ 
   การสอบ IELTS ประกอบด้วย 4 ส่วน: 
   - Listening: การฟังบทสนทนาหรือการบรรยายและตอบคำถาม (30 นาที) 
   - Reading: การอ่านบทความจากแหล่งต่างๆ และตอบคำถาม (60 นาที) 
   - Writing: การเขียนเรียงความหรือบทความตามหัวข้อที่กำหนด (60 นาที) 
   - Speaking: การสัมภาษณ์และตอบคำถามจากผู้สอบ (11-14 นาที) 
   TOEFL มักจะใช้ในรูปแบบ TOEFL iBT (Internet-Based Test) ที่นิยมมากที่สุด 
   การสอบ TOEFL ประกอบด้วย 4 ส่วน: 
   - Reading: การอ่านบทความจากแหล่งวิชาการและตอบคำถาม (60-80 นาที) 
   - Listening: การฟังบทสนทนาหรือการบรรยายและตอบคำถาม (60-90 นาที) 
   - Speaking: การตอบคำถามจากหัวข้อที่กำหนดในรูปแบบการบันทึกเสียง (20 นาที) 
   - Writing: การเขียนเรียงความหรือบทความตามหัวข้อที่กำหนด (50 นาที) 
   วิธีเตรียมตัวสำหรับการสอบ IELTS/TOEFL 
   ฝึกทักษะการฟัง 
   ฟังบทสนทนาหรือการบรรยายจากแหล่งต่างๆ เช่น YouTube, Podcasts หรือรายการวิทยุ 
   ฝึกทักษะการอ่าน 
   อ่านบทความ ข่าว หรือวารสารภาษาอังกฤษ และฝึกตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง 
   ฝึกทักษะการเขียน 
   ฝึกเขียนเรียงความหรือบทความตามหัวข้อที่หลากหลาย โดยเน้นการใช้ไวยากรณ์และการจัดโครงสร้างอย่างถูกต้อง 
   ฝึกทักษะการพูด 
   ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับเพื่อนหรือครู หรือบันทึกเสียงการพูดของตนเองเพื่อวิเคราะห์และปรับปรุง 
   ทำแบบทดสอบจำลอง 
   ทำแบบทดสอบจำลอง IELTS/TOEFL เพื่อประเมินความพร้อมและพัฒนากลยุทธ์การทำข้อสอบ 


   BMAT: (BioMedical Admissions Test) เป็นการทดสอบที่ใช้ในการคัดเลือกนักศึกษาเข้าศึกษาต่อในคณะแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ในมหาวิทยาลัยหลายแห่งทั่วโลก รวมถึงมหาวิทยาลัยบางแห่งในประเทศไทย 
   การสอบ BMAT ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่: 
   Section 1: Aptitude and Skills: วัดความสามารถในการใช้เหตุผล, การแก้ปัญหา และทักษะการคิดวิเคราะห์ โดยประกอบด้วยคำถามที่เกี่ยวข้องกับ 
   - Critical thinking (การคิดเชิงวิพากษ์) 
   - Problem solving (การแก้ปัญหา) 
   - Understanding arguments (การเข้าใจเหตุผล) 
   Section 2: Scientific Knowledge and Applications: วัดความรู้ทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาจากวิชาชีววิทยา, เคมี, ฟิสิกส์ และคณิตศาสตร์ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 
   Section 3: Writing Task: การเขียนเรียงความตามหัวข้อที่กำหนด ซึ่งวัดความสามารถในการสื่อสารทางการเขียน, การจัดโครงสร้างของบทความ และการวิเคราะห์หัวข้อที่กำหนด 
   วิธีเตรียมตัวสำหรับการสอบ BMAT 
   ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา 
   ทบทวนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา ฝึกทำแบบฝึกหัดจากหนังสือหรือแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง 
   ทบทวนความรู้ทางวิทยาศาสตร์ 
   ทบทวนเนื้อหาวิชาชีววิทยา, เคมี, ฟิสิกส์ และคณิตศาสตร์จากหนังสือเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และฝึกทำโจทย์ที่เกี่ยวข้อง 
   ฝึกการเขียนเรียงความ 
   ฝึกเขียนเรียงความในหัวข้อที่หลากหลาย โดยเน้นการจัดโครงสร้าง, การวิเคราะห์หัวข้อ, และการใช้ภาษาที่ถูกต้อง 
   ทำแบบทดสอบจำลอง 
   ทำแบบทดสอบจำลอง BMAT เพื่อประเมินความพร้อมและพัฒนากลยุทธ์การทำข้อสอบ 
   เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ 
   ขยายคลังคำศัพท์ภาษาอังกฤษโดยการอ่านหนังสือพิมพ์, บทความ, หรือการใช้แอปพลิเคชันฝึกคำศัพท์ 


   TU-GET: (Thammasat University General English Test) เป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ใช้สำหรับวัดระดับความรู้และทักษะทางภาษาอังกฤษของนักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไป โดยคะแนนสอบ TU-GET สามารถใช้เป็นหลักฐานในการสมัครเข้าเรียนในหลักสูตรต่างๆ ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเฉพาะหลักสูตรนานาชาติและหลักสูตรที่ต้องการทักษะภาษาอังกฤษสูง 
   ปัจจุบันมี 2 รูปแบบ คือ TU-GET Paper-based Test (TU-GET PBT) และ TU-GET Computer-based Test (TU-GET CBT) 
   ความแตกต่างระหว่าง TU-GET CBT และ PBT 
   CBT ทำข้อสอบผ่านคอมพิวเตอร์ ทดสอบทั้ง 4 ทักษะ คือ Reading, Listening, Speaking และ Writing คะแนนรวม 120 คะแนน 
   PBT ข้อสอบแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก มีทั้งหมด 3 พาร์ท คือ Structure, Vocabulary และ Reading คะแนนรวม 1,000 คะแนน 
      นอกจากนี้ บางครั้ง TU-GET อาจมีการทดสอบในส่วนของ Grammar ด้วย เพื่อวัดความรู้ทางไวยากรณ์ของผู้เข้าสอบ 
   วิธีเตรียมตัวสำหรับการสอบ TU-GET 
   ฝึกทักษะการฟัง  
   ฟังบทสนทนาหรือข่าวภาษาอังกฤษจากแหล่งต่างๆ เช่น YouTube, Podcasts, หรือรายการวิทยุ เพื่อพัฒนาทักษะการฟังและความเข้าใจ 
   ฝึกทักษะการอ่าน  
   อ่านหนังสือ บทความ ข่าว หรือวารสารภาษาอังกฤษ และฝึกตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่อ่าน 
   ฝึกทักษะการเขียน  
   ฝึกเขียนเรียงความหรืออธิบายหัวข้อต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ โดยเน้นการใช้คำศัพท์และไวยากรณ์ที่ถูกต้อง 
   ฝึกทักษะไวยากรณ์  
   ทบทวนหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ และทำแบบฝึกหัดไวยากรณ์อย่างสม่ำเสมอ 


   SWU-SET: (Srinakharinwirot University Standardized English Test) เป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ใช้สำหรับวัดระดับความรู้และทักษะทางภาษาอังกฤษของนักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไป โดยคะแนนสอบ SWU-SET สามารถใช้เป็นหลักฐานในการสมัครเข้าเรียนในหลักสูตรต่างๆ ของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดยเฉพาะหลักสูตรนานาชาติและหลักสูตรที่ต้องการทักษะภาษาอังกฤษสูง 
   การสอบ SWU-SET ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่: 
   - Listening: การฟังและตอบคำถามตามเนื้อหาที่ได้ฟัง 
   - Reading: การอ่านและตอบคำถามตามเนื้อหาที่อ่าน 
   - Writing: การเขียนตอบคำถามหรือเรียงความตามหัวข้อที่กำหนด 
   วิธีเตรียมตัวสำหรับการสอบ SWU-SET 
   ฝึกทักษะการฟัง 
   ฟังบทสนทนาหรือข่าวภาษาอังกฤษจากแหล่งต่างๆ เช่น YouTube, Podcasts, หรือรายการวิทยุ เพื่อพัฒนาทักษะการฟังและความเข้าใจ 
   ฝึกทักษะการอ่าน 
   อ่านหนังสือ บทความ ข่าว หรือวารสารภาษาอังกฤษ และฝึกตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่อ่าน 
   ฝึกทักษะการเขียน 
   ฝึกเขียนเรียงความหรืออธิบายหัวข้อต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ โดยเน้นการใช้คำศัพท์และไวยากรณ์ที่ถูกต้อง 
   ฝึกทักษะไวยากรณ์ 
   ทบทวนหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ และทำแบบฝึกหัดไวยากรณ์อย่างสม่ำเสมอ 


   CU-TEP : (Chulalongkorn University Test of English Proficiency)     เป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งใช้ในการวัดความรู้และทักษะทางภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไป โดยการสอบนี้สามารถใช้เป็นหลักฐานในการสมัครเข้าเรียนในหลักสูตรต่างๆ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงใช้ในหลักสูตรนานาชาติด้วย 
   การสอบ CU-TEP ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ดังนี้: 
   - Listening: การฟังและตอบคำถามตามเนื้อหาที่ได้ฟัง 
   - Reading: การอ่านและตอบคำถามตามเนื้อหาที่อ่าน 
   - Writing: การเขียนตอบคำถามหรือเรียงความตามหัวข้อที่กำหนด 
   คะแนนสอบ CU-TEP จะมีผลสำหรับการสมัครเรียนในหลักสูตรที่กำหนด และมักจะใช้ร่วมกับคะแนนสอบอื่นๆ เช่น GAT/PAT หรือ SAT ในกรณีของโปรแกรมนานาชาติ 


   CU-AAT: (Chulalongkorn University Academic Aptitude Test) เป็นการทดสอบความสามารถทางวิชาการที่จัดโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใช้สำหรับคัดเลือกนักศึกษาเข้าศึกษาต่อในคณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี (หลักสูตรนานาชาติ) ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
   การสอบ CU-AAT ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก ได้แก่: 
   Mathematics: ทดสอบความสามารถทางคณิตศาสตร์ ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาต่างๆ เช่น 
   - Algebra
   - Geometry 
   - Arithmetic 
   - Statistics 
   - Probability 
   Verbal: ทดสอบทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาต่างๆ เช่น 
   - Reading comprehension (การอ่านและทำความเข้าใจบทความ) 
   - Sentence completion (การเติมคำในประโยคให้สมบูรณ์) 
   - Critical reading (การอ่านเชิงวิเคราะห์) 
   วิธีเตรียมตัวสำหรับการสอบ CU-AAT 
   ฝึกทักษะคณิตศาสตร์ 
   ทบทวนเนื้อหาคณิตศาสตร์และฝึกทำโจทย์คณิตศาสตร์จากหนังสือเตรียมสอบหรือแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง 
   ฝึกทักษะการอ่านและวิเคราะห์ 
   อ่านบทความหรือหนังสือในหลากหลายหัวข้อและฝึกตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง 
   ฝึกทำข้อสอบจำลอง 
   ทำแบบทดสอบจำลอง CU-AAT เพื่อประเมินความพร้อมและพัฒนากลยุทธ์การทำข้อสอบ 
   เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ 
   ขยายคลังคำศัพท์ภาษาอังกฤษโดยการอ่านหนังสือพิมพ์ บทความ หรือการใช้แอปพลิเคชันฝึกคำศัพท์ 


   CU-ATS: (Chulalongkorn University Academic Testing Service) เป็นการทดสอบที่ใช้ในการคัดเลือกนักศึกษาเข้าศึกษาต่อในคณะต่างๆ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเฉพาะหลักสูตรนานาชาติ การสอบนี้ใช้วัดความรู้และทักษะในหลายด้าน ทั้งวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ ขึ้นอยู่กับคณะที่ต้องการสมัครเข้าเรียน 
   การสอบ CU-ATS ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่: 
   Mathematics: ทดสอบความสามารถทางคณิตศาสตร์ ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาต่างๆ เช่น 
   - Algebra 
   - Geometry 
   - Trigonometry 
   - Calculus 
   - Statistics 
   Science: ทดสอบความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในสาขาต่างๆ เช่น 
   - Physics 
   - Chemistry 
   - Biology 
   English: ทดสอบทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาต่างๆ เช่น 
   - Reading comprehension 
   - Writing and language usage 
   วิธีเตรียมตัวสำหรับการสอบ CU-ATS 
   ฝึกทักษะคณิตศาสตร์
   ทบทวนเนื้อหาคณิตศาสตร์ที่เกี่ยวข้องและฝึกทำโจทย์จากแหล่งต่างๆ เช่น หนังสือเรียน SAT, CU-ATS หรือแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง 
   ฝึกทักษะทางวิทยาศาสตร์ 
   ทบทวนเนื้อหาวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง และทำแบบฝึกหัดหรือข้อสอบจากแหล่งต่างๆ เช่น หนังสือเรียนหรือแบบฝึกหัด SAT II ในวิชาวิทยาศาสตร์ 
   ฝึกทักษะการอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ 
   อ่านบทความหรือหนังสือในหัวข้อต่างๆ และฝึกตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง รวมถึงฝึกเขียนเรียงความหรือบทความในหัวข้อต่างๆ เพื่อพัฒนาทักษะการเขียน 
   ทำข้อสอบจำลอง 
   ทำแบบทดสอบจำลอง CU-ATS เพื่อประเมินความพร้อมและพัฒนากลยุทธ์การทำข้อสอบ 
   เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ 
   ขยายคลังคำศัพท์ภาษาอังกฤษโดยการอ่านหนังสือพิมพ์, บทความ, หรือการใช้แอปพลิเคชันฝึกคำศัพท์ 


   CU-TAD: (Chulalongkorn University Test of Aptitude in Design) เป็นการทดสอบความถนัดด้านการออกแบบที่จัดขึ้นโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อใช้ในการคัดเลือกนักศึกษาเข้าศึกษาต่อในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ 
   การสอบ CU-TAD ประกอบด้วยการทดสอบหลายส่วนที่เกี่ยวข้องกับทักษะการออกแบบและศิลปะ เช่น: 
   Drawing and Visual Perception: วัดทักษะในการวาดภาพและการรับรู้ทางสายตา 
   Design Thinking and Problem Solving: วัดความสามารถในการคิดเชิงออกแบบและการแก้ปัญหา 
   Art and Design Knowledge: วัดความรู้ด้านศิลปะและการออกแบบ 
   วิธีเตรียมตัวสำหรับการสอบ CU-TAD
   ฝึกทักษะการวาดภาพ 
   ฝึกวาดภาพตามแบบต่างๆ และฝึกการวาดภาพที่ต้องใช้จินตนาการ 
   เรียนรู้หลักการออกแบบ 
   ศึกษาหลักการออกแบบและฝึกการคิดเชิงออกแบบในการแก้ปัญหาต่างๆ 
   ศึกษาศิลปะและประวัติศาสตร์ศิลปะ 
   ทบทวนความรู้เกี่ยวกับศิลปะและประวัติศาสตร์ศิลปะ เพื่อให้เข้าใจแนวคิดและผลงานของศิลปินต่างๆ 
   ทำแบบฝึกหัดและข้อสอบเก่า 
   ฝึกทำแบบฝึกหัดและข้อสอบเก่าของ CU-TAD เพื่อทำความเข้าใจกับรูปแบบคำถามและแนวทางการตอบข้อสอบ 


   CU-SSEPT: (Chulalongkorn University Standardized Test of English Proficiency for Graduate Studies) เป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษที่จัดขึ้นโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใช้ในการวัดทักษะทางภาษาอังกฤษสำหรับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา 
   การสอบ CU-SSEPT ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่: 
   - Listening: การฟังบทสนทนาหรือการบรรยายและตอบคำถาม 
   - Reading: การอ่านบทความจากแหล่งต่างๆ และตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง 
   - Writing: การเขียนเรียงความหรือบทความตามหัวข้อที่กำหนด 
   วิธีเตรียมตัวสำหรับการสอบ CU-SSEPT
   ฝึกทักษะการฟัง 
   ฟังบทสนทนาหรือการบรรยายจากแหล่งต่างๆ เช่น YouTube, Podcasts หรือรายการวิทยุ 
   ฝึกทักษะการอ่าน 
   อ่านบทความหรือหนังสือในหัวข้อต่างๆ และฝึกตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง 
   ฝึกทักษะการเขียน 
   ฝึกเขียนเรียงความหรือบทความตามหัวข้อที่หลากหลาย โดยเน้นการใช้ไวยากรณ์และการจัดโครงสร้างอย่างถูกต้อง
   ทำแบบทดสอบจำลอง 
   ทำแบบทดสอบจำลอง CU-SSEPT เพื่อประเมินความพร้อมและพัฒนากลยุทธ์การทำข้อสอบ 


    Portfolio ที่โดดเด่นควรมีอะไรบ้าง 
   เนื้อหาที่หลากหลาย
   - ผลงานด้านวิชาการ: คะแนนสอบ, ผลการเรียน, โครงการวิจัย
   - กิจกรรมนอกหลักสูตร: กิจกรรมชุมนุม, การแข่งขัน, การฝึกงาน
   - ทักษะและความสามารถพิเศษ: การใช้ภาษาต่างประเทศ, ทักษะด้านคอมพิวเตอร์, งานศิลปะ
   การนำเสนอที่สร้างสรรค์
   - การจัดรูปแบบ: ใช้สีสันและการจัดวางที่น่าสนใจ, อ่านง่ายและสะอาดตา
   - สื่อมัลติมีเดีย: ภาพถ่าย, วิดีโอ, กราฟิกส์ที่สวยงาม
   การเน้นจุดแข็ง
   - การระบุความสำเร็จ: โชว์รางวัล, ประกาศนียบัตร, ความสำเร็จที่ภาคภูมิใจ
   - ความคิดสร้างสรรค์: โครงการหรือผลงานที่คุณสร้างสรรค์ขึ้นมาเอง
   เรื่องราวและประสบการณ์
   - การเล่าเรื่อง: เล่าประสบการณ์ที่ทำให้คุณเป็นคุณ, สิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากแต่ละกิจกรรม
   - การแสดงบุคลิกภาพ: ให้ผู้อ่านได้รู้จักตัวตนของคุณ, ความสนใจและเป้าหมายในอนาคต
   การอ้างอิงและคำชม
   - จดหมายรับรอง: จากอาจารย์, ผู้บังคับบัญชา หรือผู้มีชื่อเสียง
   - คำชม: ความคิดเห็นจากคนที่เคยร่วมงานกับคุณ, การให้คะแนนหรือคำชมจากกิจกรรมต่างๆ
   การจัดระเบียบและความเป็นมืออาชีพ
   - โครงสร้างชัดเจน: มีสารบัญ, แยกหมวดหมู่ชัดเจน
   - การพิสูจน์อักษร: ไม่มีข้อผิดพลาดในการพิมพ์, ภาษาและไวยากรณ์ถูกต้อง
   การปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ
   - การอัปเดต: ปรับปรุงและเพิ่มเติมผลงานและประสบการณ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ
   - การปรับเปลี่ยนตามคณะ/สาขา: ปรับแต่งพอร์ตให้เหมาะสมกับคณะที่ต้องการสมัคร
   ความเป็นตัวเอง
   - การแสดงความเป็นเอกลักษณ์: แสดงให้เห็นถึงตัวตนและความเป็นเอกลักษณ์ของคุณอย่างชัดเจน
   - ความจริงใจ: ทุกอย่างในพอร์ตควรเป็นความจริง และแสดงถึงตัวตนของคุณอย่างแท้จริง


   ทั้งนี้ข้อมูลเรื่องราคาค่าสมัครอาจจะมีการคลาดเคลื่อนเล็กน้อย อย่าลืมทำ portfolio ให้ดูเด่นและเจ๋งล่ะ การสอบนี้เป็นเพียงสะพานที่จะทำให้น้องๆนั้นเข้ามหาลัยในฝันได้ง่ายยิ่งขึ้น พี่ก็ขอให้น้องๆนั้นสอบติดและหามหาลัยที่ถูกใจได้ไวน๊าาาา

อ้างอิง 
SWU
CU
TU
BMAT
SAT 
IELTS/TOEFL 

คนอื่นๆอ่านเรื่องนี้ แล้วมักจะอ่านเรื่องต่อไปนี้ต่อ

หมวด