การใช้เทคโนโลยีเอไอ โปรแกรมอัตโนมัติและหุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมต่างๆ ถูกมองว่ามีผลดีช่วยให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวดีขึ้น แต่ขณะเดียวกัน หลายอาชีพเสี่ยงถูกแย่งงานจากเทคโนโลยีนี้เช่นกันมีการประเมินว่าเทคโนโลยีเอไอจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วให้ขยายตัวได้ 1.7 เท่าในปี 2578 หรือในอีก 18 ปีข้างหน้า เพิ่มผลิตผลด้านแรงงานของโลกได้ 30-40 เปอร์เซ็นต์ ผลกำไรเพิ่มขึ้นในทุกสาขาการผลิตทั้งการศึกษา ที่พักอาศัย และการก่อสร้าง แต่ในอีกด้าน จะมีผลกระทบต่อการจ้างงานด้วย
ในส่วนของประเทศไทย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้รวบรวมผลกระทบจากการเปิดใช้เอไอในอนาคต พบว่าส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในประเทศไทยและกลุ่มอาเซียนมาก โดยเฉพาะแรงงานทักษะต่ำ ที่คาดว่า
ในอีก 20 ปีข้างหน้า ทั้งอาเซียนมีความเสี่ยงตกงานมากถึง 140 ล้านคน แรงงานไทย 44 เปอร์เซ็นต์ มีความเสี่ยงสูงตกงาน โดยเฉพาะในสาขาอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เพราะถูกเอไอเข้ามาแทนที่ คนในอุตสาหกรรมนี้อยากให้รัฐเตรียมหาทางรับมือ
ข้อมูลนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รวบรวมจากบริษัท เอคเซนเชอร์ ที่ปรึกษาด้านไอทีของกลุ่มแอปเปิล และองค์การแรงงานระหว่างประเทศ มาประเมินผลกระทบอย่างละเอียด พบว่า
10 อาชีพที่มีความเสี่ยงถูกเทคโนโลยีเอไอเข้ามาแย่งอาชีพ คือ
1 นักพัฒนาเว็บไซต์ 2 นักการตลาดออนไลน์ 3 ผู้ดูแลออฟฟิศ 4 นักบัญชี 5 ฝ่ายทรัพยากรบุคคล 6 นักข่าว 7 บรรณาธิการ 8 นักกฎหมาย 9 แพทย์ และ 10 จิตแพทย์
ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการจ้างงานจาก ILO เคยระบุว่า แรงงาน 17 ล้านคนของไทย เสี่ยงจะถูกระบบจักรกลอัตโนมัติเข้ามาแทนที่ และมีโอกาสเกิดกับแรงงานผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึงครึ่งหนึ่ง แรงงานที่จบระดับประถมศึกษาเสี่ยงตกงานมากกว่าระดับปริญญาตรีถึง 90 เปอร์เซ็นต์
แต่มีข้อมูลจากสถาบันแมคคินซีย์ โกลบอล ประเมินว่าปี 2573 มีจำนวนแรงงานที่สามารถแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติมีมากถึง 800 ล้านคน ซึ่งในจำนวนทั้งหมดมีถึง 375 ล้านคนที่จำเป็นต้องเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพื่อทำงานในอาชีพที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น งานที่ต้องเข้าไปควบคุมเครื่องจักรหรือระบบอัตโนมัติอีกทีหนึ่ง โดย
กลุ่มเสี่ยงต่อการตกงานมากกว่าใคร คือกลุ่มพนักงานในประเทศที่พัฒนาแล้ว และมีอัตราค่าจ้างสูงอย่างสหรัฐอเมริกา