คงจะเป็นการเริ่มต้นธุรกิจที่ดีไม่น้อย หากเรามีรุ่นพี่หรือบุคคลต้นแบบที่จะมาให้คำแนะนำที่ถูกต้อง เพื่อใช้เป็นการแนวทางในการทำงานและยึดถือปฏิบัติเพื่อความสำเร็จในการทำธุรกิจที่เราไม่มีประสบการณ์แต่อยากจะเริ่มสร้างมันขึ้นมา สำหรับน้องๆ นักศึกษาคนไหนที่อยากจุดประกายไฟในการทำธุรกิจ เห็นช่องทางการเป็น Startup และอยากประสบความสำเร็จในสิ่งที่รัก
มาฟังคำสัมภาษณ์จาก
3 เจ้าพ่อวงการ Startup ของเมืองไทย ในประเด็นยอดฮิตที่น้องๆ มักจะตั้งคำถามกับการเริ่มต้นทำ
Startup ก็คือ
“เรียนจบแล้ว ถ้าอยากทำ Startup ควรเริ่มเลยไหมหรือต้องหาประสบการณ์ทำงานประจำก่อนดี?” เชื่อว่าหลายๆ คน ก็คงสงสัยกันมานาน และนี่คือคำตอบจากรุ่นพี่จะมาตอบข้อสงสัยให้น้องๆ นำไปปรับใช้เพื่อเป็นแนวทางและสร้างแรงบันดาลใจกันดีกว่า
พี่ยอด ชินสุภัคกุล CEO and Co-founder Wongnai
" เป็นคำถามที่ตอบยากมากเลย เพราะมันไม่มีคำตอบที่ถูกต้องแค่คำตอบเดียว คือมันขึ้นอยู่กับหลายๆ อย่าง ปัจจัยและความพร้อมของแต่ละคนที่มีไม่เหมือนกัน ที่สำคัญคือต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่า คุณมีไอเดียที่อยากทำรึเปล่า? คุณมี Passion ต่อสิ่งนั้นๆ มากน้อยแค่ไหน? มีทีมงานหรือยัง? เงินทุนล่ะ? ทางครอบครัวเห็นว่ายังไงบ้าง? รู้จักตลาดทางด้านนี้ดีพอไหม? อย่างผมเองตอนเรียนจบคือยังไม่มีทีม ความคิดก็คือไม่ได้โตเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะมองเห็นหรือรู้จักคนที่จะมาทำงานด้วย ดังนั้น เราอาจจะต้องทำงาน หาประสบการณ์เรียนรู้เรื่องต่างๆ ไปก่อน รวมถึงหา Connection ไว้เพื่อเริ่มต้นในอนาคต แต่สำหรับบางที่บอกว่าฉันมีไอเดียละ ฉันมี Passion และมั่นใจมากว่าสามารถเริ่มทำ Startup ได้ด้วยตัวเอง ก็ไม่จำเป็นต้องรออะไรเลยครับ "
พี่โบ๊ท ไผท ผดุงถิ่น CEO and Co-founder Builk.com
" ถ้าจบใหม่ พี่คิดว่าเราควรหาประสบการณ์ก่อนครับ แต่ไม่ได้แปลว่าน้องไม่เก่งหรือไม่ขยันนะ แต่เพียงแต่ว่าในโลกธุรกิจจริงๆ มันก็มีองค์ความรู้ที่เราหาไม่ได้จากหนังสือหรือการฝึกด้วยตัวเอง เพราะธุรกิจมันมี Process อยู่ น้องยังต้องการเรียนรู้อีกเยอะ ประสบการณ์วงการธุรกิจจริงๆ เรายังอ่อนมาก เอาว่า 1-2 ปีแรกหลังเรียนจบ น้องอาจจะไปเริ่มต้นจากบริษัทใหญ่ๆ หรือ Growing Startup ที่สนใจก่อนก็ได้ ซึ่งบริษัทนั้นจะช่วยให้น้องได้เก็บเกี่ยวความรู้ ติดอาวุธฝึกวิชาให้เฉียบคมก่อนจะเริ่มต้น Startup ของตัวเอง มันไม่สายเกินไปหรอก อย่าไปคิดแค่ว่าเด็กเมืองนอกเค้ายังเริ่มทำ Startup กันตั้งแต่ 17-18 เลยนะ คือเด็กไทยเรามีระบบการเรียนรู้ต่างจากเมืองนอกที่เค้าทำได้เพราะเค้ารู้เรื่องเริ่มคิดหาทางกันตั้งแต่สมัยมัธยม และอีกอย่างที่อยากฝากก็คือ น้องต้องรู้ว่าการทำ Startup มันเป็นเรื่องที่หนักในตอนเริ่มต้น แต่ถ้าเรามีภาระทางบ้านหรือไม่ได้รับการ Support จากรอบข้าง มันก็ยากนะ ต้องคิดถึง Goal ในชีวิตให้ดีๆ ”
พี่หมู ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ CEO and Co-founder Ookbee
" Startup หลายๆ ที่ก็เกิดจากการเป็นแค่งานอดิเรกที่คนชอบและค่อยๆ ขยายไปจนเติบโต ถ้าจะให้แนะนำ พี่ก็คิดว่าน้องๆ ที่มีความจำเป็นต้องดูแลทางบ้านหรือมีภาระทางการเงินอย่างอื่น ต้องการเงินเดือนที่แน่นอน ก็สามารถทำงานประจำไปก่อนได้ แล้วเวลาว่างของเราก็เอามาทำ Startup ค่อยเป็นค่อยไป ศึกษาอุตสาหกรรมนี้ไปเรื่อยๆ ว่ามันจะมีแนวโน้มทิศทางยังไง เราจะพอไปต่อได้แค่ไหน พอเราทำไปเรื่อยๆ แล้วมีงาน หรือสามารถหานักลงทุนมาได้ ถึงขั้นนี้เราก็เรียกว่าสามารถตั้งบริษัทขึ้นมาและจ่ายเงินเดือนให้ตัวเองได้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องทำงานประจำต่อก็ได้ ค่อยๆ ขยับขยายออกไป แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของน้องๆ แต่ละคน ว่าจะทุ่มเทกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน จะยอมเริ่มต้นเหนื่อยทำ 2 งานพร้อมกันไหม แต่ก็อย่างที่บอกว่า Startup ส่วนใหญ่ก็เริ่มต้นทำประมาณนี้นะครับ "
ขอบคุณข้อมูลจาก :
techsauce.co
www.facebook.com/Ookbee
www.forbesthailand.com
www.wongnai.com
www.facebook.com/pg/Wongnai
https://brandinside.asia/builk