ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่น่าปลื้มใจและน่าสนับสนุนเป็นอย่างมากในวงการการศึกษาของไทยเรา ที่มี
"โรงเรียนเทศบาล มาตรฐานเอกชน" สนับสนุนอุปกรณ์กีฬานานาชนิด รวมถึงสระว่ายน้ำและลู่วิ่งมาตรฐานให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรม มากกว่าจดจ่อแค่การท่องหนังสือและการสอบวัดผลเท่านั้น
ซึ่งทางผู้บริหารและคณะครูมีแนวทางการสอนที่มุ่งให้เด็กนักเรียนมีความสุข ใช้กิจกรรมต่างๆ มาบูรณาการให้เด็กๆ รู้สึกสนุกและอยากมาโรงเรียน พร้อมกันนั้นก็ยังสามารถพัฒนาทักษะการเรียนรู้ไปพร้อมกันได้ไม่ขาดตกส่วนใดไป
|| เราจัดการเรียนโดยมีความเชื่อว่า แม้เด็กๆ จะมีความแตกต่างกัน แต่หากได้รับการส่งเสริมอย่างเหมาะสม ทุกคนก็สามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ตามศักยภาพภาพของแต่ละคน ||
เรื่องราวที่ได้รับการพูดถึงและส่งต่อกันในโลกออนไลน์นี้ เป็นเรื่องความประทับใจของคุณแม่ท่านหนึ่งเกี่ยวกับการย้ายโรงเรียนให้ลูกสาว จากโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ มายังโรงเรียนรัฐบาลใกล้บ้าน คือ
โรงเรียนเทศบาลหางดง (ประชาคมสร้างสรรค์) ตำบลหางดง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่
โดยผลปรากฏว่า
ลูกสาวมีความสุขกับการมาเรียนขึ้นมาก ไม่มีปัญหาหรือความเศร้าเสียใจใดๆ ตามมา และที่สำคัญโรงเรียนเทศบาลแห่งนี้ก็มีความพร้อมทั้งสถานที่และการสนับสนุนด้านกิจกรรมกีฬาในระดับมาตรฐาน ทั้งสนามวิ่งที่นุ่ม สระว่ายน้ำมาตรฐาน และการเรียนการสอนกิจกรรมอื่นๆ
คุณแม่คนดังกล่าว คือ นางสร้อยแก้ว คำมาลา อายุ 45 ปี ชาวอำเภอหางดง มีอาชีพเป็นนักเขียนอิสระ พร้อมลูกสาว ด.ญ. ตาน้ำ คำมาลา อายุ 8 ขวบ น้องตาน้ำเปิดเผยว่า
“ มาอยู่ที่โรงเรียนใหม่มีความสุขและสนุกมากค่ะ ที่นี่ได้เรียนและเล่นกีฬาต่างๆ ทั้งวิ่ง ว่ายน้ำ อาคิโด และได้เรียนลิเกด้วย ที่โรงเรียนเก่าเรียนหนักเกินค่ะ ”
นอกจากนี้ คุณแม่ยังเล่าถึงที่มาของเรื่องราวนี้ว่า
ตอนแรกได้ย้ายน้องจากโรงเรียนเอกชนมาโรงเรียนรัฐบาล ก็พึ่งมาทราบว่าที่โรงรียนนี้ มีการเรียนการสอนที่สนับสนุนกิจกรรมทุกอย่างของเด็ก โดยมีเครื่องกีฬามาตรฐาน มีกิจกรรมเสริมทักษะ รวมทั้งสระน้ำที่อาจหาได้ยากจากโรงเรียนรัฐหรือของเทศบาล เธอจึงนำเรื่องราวความประทับใจนี้ไปเขียนบอกเล่าในกลุ่มเพื่อน แต่ไม่นานก็มีทั้งเพื่อนและคนอื่นๆ มาขอแชร์ไปเป็นจำนวนมาก แม่เห็นเป็นเรื่องที่ดี น่าจะเป็นประโยชน์ให้คุณแม่หรือท่านอื่นๆ ก็อนุญาตให้แชร์ออกไป ทำให้เรื่องนี้แพร่กระจายและได้รับเสียงชื่นชมจนโด่งดัง
นายสุเทพ อินตาวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลหางดง (ประชาคมสร้างสรรค์) เปิดเผยว่า “ สังคมไทยเข้าใจการศึกษามากขึ้น ผู้ปกครองและเด็กก็คือคน โรงเรียนเราจะเน้นการเรียนอย่างมีความสุข ให้คุณค่าของความเป็นคน มีแผนการสอนที่เด็กเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ มีกิจกรรมให้เด็กเพิ่มนอกเหรือจากการเรียนการสอนทั่วไป และเรามีความเชื่อว่า ถึงแม้ว่าเด็กทุกคนจะมีความแตกต่างกันแต่สามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ตามศักยภาพภาพของแต่ละคน ”
จากกรณีดังกล่าว ทำให้อดคิดตามไม่ได้ว่า ปัจจุบันสื่อโซเชียลมีอิทธิพลในการบอกกล่าว ส่งต่อเรื่องราวและกระตุ้นให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในสังคมทั้งแง่ดีและแง่ลบได้เกินคาดคิด นอกจากนี้ เราก็เห็นได้ชัดเจนว่า
ยังมีพ่อแม่และผู้ปกครองที่เลี้ยงดูลูกอย่างใส่ใจ พร้อมเข้าใจพัฒนาการหรือความต้องการของลูกอย่างแท้จริง พ่อแม่ที่ไม่ได้คาดหวังแค่ตัวเลขหรือผลการสอบเป็นตัวชี้วัดความสุขและความสำเร็จของลูกเพียงอย่างเดียว ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมและควรนำมาเป็นแบบอย่างของผู้ปกครองยุคใหม่ได้อย่างดี และสุดท้ายก็น่าดีใจแทนเด็กๆ ที่ผู้บริหารรวมทั้งครูอาจารย์ให้ความสำคัญกับคุณค่าความเป็นมนุษย์ ปรับรูปแบบและระบบการศึกษาให้ส่งเสริมการเรียนรู้ตามวัยอย่างรอบด้านมากขึ้น
ที่มา :
ข่าว CM108.com