สอบเข้ามหาวิทยาลัย

จากพระเอกดัง สู่นักธุรกิจ พอล ภัทรพล ศิลปาจารย์ "Start-up นี่แหละ คือโอกาสใหม่ของประเทศไทย"


ภัทรพล ศิลปาจารย์” หรือ “พอล” พระเอกและนักแสดงชื่อดัง ผู้มีแนวคิดเกษียณอายุการทำงานในวัย 35 ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นนักธุรกิจและนักลงทุนอย่างเต็มตัว เรียกได้ว่าวางมือจากงานในวงการบันเทิงอย่างการเป็นพิธีกรหรือนักแสดง อย่างถาวร ด้วยความที่สนใจทางด้านธุรกิจ และจบการศึกษาปริญญาตรี เอกการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ทำให้ตอนนี้ พอล ทำงานเป็นทั้งนักลงทุน ที่ปรึกษาทางการเงิน และนักเขียน Bestseller ที่ประสบความสำเร็จมากมาย


จุดเปลี่ยนสู่การเป็นนักลงทุน
“ทุกวันนี้ผมมีเงินปันผลจากหุ้น จากอสังหาฯ ที่เป็นค่าเช่าที่ เป็นรายได้แบบ passive income จากทรัพย์สินที่เก็บสะสมมาตั้งแต่สมัยที่ยังทำงานครับ และอย่างที่คนส่วนใหญ่ทราบผมทำงานในวงการบันเทิงมาก่อน เป็นทั้งนักแสดงและพิธีกร เป็นงานที่ดี แต่ผมก็ทราบดีว่างานที่ผมทำอยู่เป็นการทำงานแบบหนึ่งต่อหนึ่ง หมายความว่าผมเอาแรงเอาเวลาไปแลกเงิน คือฉันต้องไป ถ้าฉันไม่ได้ไปฉันไม่ได้เงิน ถ้าฉันหยุด เงินก็หยุด เมื่อตระหนักได้ ผมก็เลยเปลี่ยนงานมาเป็นการลงทุนครั้งเดียวแล้วเก็บผลผลิตได้เรื่อยๆ (passive income) เหมือนอย่างหนังสือที่ผมเขียน “เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร”


UploadImage

พอลลงทุนกับอะไรบ้าง
“ผมลงทุนในตลาดหลักทรัพย์บ้าง ในอสังหาริมทรัพย์บ้าง หรือแม้กระทั่งการเขียนหนังสือซึ่งมันก็เป็นห่านเหมือนกัน แถมยังได้ใช้ความรู้ใช้ปัญญาด้วย ส่วนเรื่องการลงทุนในธุรกิจ ผมก็มีลงทุนทั้งในธุรกิจที่สร้างเงิน อย่าง STYLHUNT ก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง และในธุรกิจที่ไม่ได้สร้างเงินด้วย เช่นหนังสารคดีที่เพื่อนผมทำ คือผมไม่ได้ลงในธุรกิจสารคดีนี้เพราะหวังผลตอบแทน แต่คิดว่ามันเป็นสารคดีที่จะสร้างความแตกต่างให้กับประเทศไทย กับอีกอย่างคือเรื่องการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนการศึกษาของเยาวชนครับ”


เพราะอะไรถึงสนใจลงทุนในธุรกิจ Start-up
ผมเชื่อว่าธุรกิจ Start-up นี่แหละคือโอกาสใหม่ของประเทศไทย ผมคิดว่าประเทศไทยควรเปลี่ยนจากการเกษตร หรือการรับจ้างผลิต ที่เป็นการแข่งกันแต่ที่ค่าแรงมาทำอย่างอื่น เพราะพอประเทศอื่นค่าแรงถูกกว่า อย่างเช่น จีน เวียดนาม เราก็จะต่อสู้กับเขาไม่ได้ เราน่าจะปรับสู่ทิศทางใหม่ สร้างงาน สร้างคน ที่สามารถต่อสู้กับเวทีโลกได้ ซึ่งผมคิดว่า Tech Startup เป็นธุรกิจที่แฟร์ เพราะใครๆ ก็ต้องเริ่ม develop จากศูนย์เหมือนกัน และไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ เป็นการแข่งขันกันที่ปัญญา

เรื่องเงินทุนก็สามารถหาได้มากขึ้นในปัจจุบัน ซึ่ง STYLHUNT เป็นตัวอย่างที่ดีมาก มีเงินทุนจากญี่ปุ่น อินเดีย สิงคโปร์อินโดนีเซียและประเทศไทย วิ่งมาหา เมื่อมีไอเดียที่ดีเงินทุนจะวิ่งมาเสมอ ถ้ามองในมุมธุรกิจ ผมเข้าใจว่าก็มีความเสี่ยงนะ แต่ผลตอบแทนก็สามารถสูงมากเช่นกัน และการขยับมาลงทุนกับ Startup ด้วย ก็ช่วยให้ผมกระจายพอร์ตการลงทุนด้วย”


UploadImage

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก :
1) techsauce.co/startup/
2) gossipstar.mthai.com
3) i.ytimg.com