มหาเศรษฐีระดับโลกอย่าง
Steve Jobs ได้ให้คำคมโดนๆ ไว้ว่า
“อย่าเสียเวลาไปกับการดำเนินชีวิตอย่างที่คนอื่นคาดหวังให้เป็น แต่ต้องกล้าทำในสิ่งที่หัวใจของตัวเองเรียกร้อง”
หรือ
Bill Gates ก็พูดเอาไว้ว่า
“ผมสอบตกบางวิชาสมัยเรียน แต่เพื่อนผมสอบผ่านหมด ตอนนี้เขาทำงานเป็นวิศวกรให้ไมโครซอฟท์ ส่วนผมเป็นเจ้าของ” วลีเหล่านั้นล้วนตอกย้ำให้คนลุกมาทำความฝันกันมากขึ้น จึงไม่แปลกใจที่หนุ่มสาวสมัยนี้อยากมีธุรกิจของตัวเองและคิดการใหญ่ที่ไม่ต้องไปรับใช้ฝันคนอื่น
แต่ในสนามธุรกิจจริงๆ ไมใช่เรื่องง่ายซักนิด หลายคนล้มเหลวและท้อแท้ถอดใจไม่อยากไปต่อแม้จะลุงทุนทุ่มเทไปมาก ถ้าอยากให้ธุรกิจเติบโตก็ต้องมีการวางแผนคิดอย่ารอบคอบ ศึกษาให้ลึกซึ้ง สร้างฐานความพร้อมให้หนาแน่นมากพอ ด้วยปัจจัยและคลังความรู้ด้านต่างๆ ดังนี้
1 คลังความคิด หรือ Idea
โดยจะต้องมี 2 ฐานหลักๆ นั่นคือ
“สิ่งที่รัก” และ
“ความถนัด” สองสิ่งนี้ที่จะนำทางธุรกิจให้เดินต่อไปได้อย่างโชติช่วงและที่สำคัญมันต้องสร้าง
“คุณค่า” บางอย่างที่คนอื่น
“ยังมองไม่เห็น” โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนส่วนมากจะยิ่งดี
2 คลังทักษะ หรือ Skill
ก็เหมือนคำที่ว่า
“รักคงยังไม่พอ” จะเริ่มเดินตามแผนธุรกิจ เราจะอาศัยแค่ไอเดียกับความอยากทำธุรกิจอาจยังไม่พอ เราต้องมี “ทักษะ” ในสิ่งนั้นๆ ด้วย จะยิ่งทำให้เราจะเกิดความมั่นใจที่จะลงมือทำ เมื่อผิดพลาดหรือเจอปัญหาก็ยังสามารถหาทางช่องทางแก้ไขได้ ดังนั้นการมีทักษะแข็งแกร่ง ก็พร้อมก้าวสู่สมรภูมิรบในตลาดอย่างยั่งยืน
3 คลังเงิน
ถือว่าเป็นความได้เปรียบในการบุกตลาด ต่อให้ไอเดียเจ๋งเวอร์แบบพลิกโลกได้เหมือน Microsoft, Google แต่ถ้าคุณไม่มีเงินก็เริ่มต้นลำบากล่ะ ถ้ามีนายหรือเงินทุนมาช่วยคอยเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงธุรกิจให้รอดและยืนระยะได้ยาวขึ้นพร้อมรับมือสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างอุ่นใจ
4 คลังสหาย
ยิ่งมี
Connection มากก็ยิ่งดี เอาความเก่งความสามารถที่หลากหลายของคนที่เรารู้จักมาทำให้ธุรกิจโตขึ้น เช่น คุณเก่งในการวางแผนการตลาด หรือระบบธุรกิจมาก แต่คุณไม่เก่งด้านการขายเลย จุดนี้เองหาคนฝีมือเก่ง ฝีปากกล้ามาช่วยดันยอดขาย
ขอบคุณข้อมูลจาก :
terrabkk.com/news/เริ่มต้นธุรกิจ-อย่างไร/