สอบเข้ามหาวิทยาลัย
ไฟเขียวบรรจุครูคืนถิ่น 404 คนที่ยังไร้ตั๋วครู
วันที่เวลาโพส
12 ม.ค. 60 18:24 น.
อ่านแล้ว
473
“ธีระเกียรติ” ย้ำเกณฑ์บรรจุผู้บริหารการศึกษาใหม่ ยึดพระราชดำรัสในหลวงร.9 เน้นดูการทำงานทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ นัดถกปรับเกณฑ์ใหญ่ 13 ม.ค.นี้ พร้อมไฟเขียวบรรจุครูคืนถิ่นของสพฐ.ที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู 404 คน
พฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2560 เวลา 16.06 น.
วันนี้ (12 ม.ค.) นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การเข้าสู่ตำแหน่งบริหารทางการศึกษาต่างๆ และการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยตนได้ย้ำให้ที่ประชุมน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาใช้เป็นแนวทางในการประเมินที่ต้องดูการทำงานของบุคคลนั้นๆทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ซึ่งในส่วนของการเข้าสู่ตำแหน่งทางการบริหาร เช่น ผู้อำนวยการสถานศึกษา จะลดการสอบให้น้อยลง เน้นพิจารณาหลัก 3 ประการ คือ ทักษะ ผลงาน และศักยภาพ
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ จะให้ครูเลิกทำผลงานทางวิชาการ โดยพิจารณาจากชั่วโมงการสอน และการพัฒนาองค์ความรู้ที่ใช้ในการเรียนการสอน แต่ต้องเป็นการอบรมที่เกี่ยวข้องไม่ใช่อบรมอะไรก็ได้ โดยเร็วๆนี้ ตนจะให้ผู้เชี่ยวชาญมาดูว่า การอบรมใดที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาครู ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะได้ ส่วนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กจะถือเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะครูบางคนสอนเด็กพิเศษ ซึ่งอาจจะมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไม่ดี แต่ครูมีความตั้งใจและถือเป็นการสอนเด็กกลุ่มที่สอนยากก็ควรต้องได้รับการพิจารณาด้วยเพื่อความยุติธรรม
“ผมมอบให้สำนักงาน ก.ค.ศ. ไปปรับในรายละเอียดและนำเข้าที่ประชุมก.ค.ศ.ในวันที่ 13 มกราคมนี้ เพื่อทดลองใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าว นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือถึงการแก้ไขปัญหาการบรรจุครูที่สอบคัดเลือกได้ในโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู แต่มีใบอนุญาตปฏิบัติการสอนชั่วคราว ซึ่งสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาออกให้ ทำให้ สพฐ.ไม่กล้าบรรจุเป็นข้าราชการครู ซึ่งมีจำนวน 404 คน โดยที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าครูกลุ่มนี้มีคุณสมบัติ สามารถบรรจุเป็นข้าราชการในตำแหน่งครูผู้ช่วยได้ทันที แต่ครูกลุ่มนี้ก็ต้องไปอบรมตามเงื่อนไขของคุรุสภาเพื่อให้ได้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูตัวจริงด้วย”นพ.ธีระเกียรติ กล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : เดลินิวส์
พฤหัสบดีที่ 12 มกราคม 2560 เวลา 16.06 น.
วันนี้ (12 ม.ค.) นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การเข้าสู่ตำแหน่งบริหารทางการศึกษาต่างๆ และการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยตนได้ย้ำให้ที่ประชุมน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาใช้เป็นแนวทางในการประเมินที่ต้องดูการทำงานของบุคคลนั้นๆทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ซึ่งในส่วนของการเข้าสู่ตำแหน่งทางการบริหาร เช่น ผู้อำนวยการสถานศึกษา จะลดการสอบให้น้อยลง เน้นพิจารณาหลัก 3 ประการ คือ ทักษะ ผลงาน และศักยภาพ
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ จะให้ครูเลิกทำผลงานทางวิชาการ โดยพิจารณาจากชั่วโมงการสอน และการพัฒนาองค์ความรู้ที่ใช้ในการเรียนการสอน แต่ต้องเป็นการอบรมที่เกี่ยวข้องไม่ใช่อบรมอะไรก็ได้ โดยเร็วๆนี้ ตนจะให้ผู้เชี่ยวชาญมาดูว่า การอบรมใดที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาครู ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการขอมีและเลื่อนวิทยฐานะได้ ส่วนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็กจะถือเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะครูบางคนสอนเด็กพิเศษ ซึ่งอาจจะมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไม่ดี แต่ครูมีความตั้งใจและถือเป็นการสอนเด็กกลุ่มที่สอนยากก็ควรต้องได้รับการพิจารณาด้วยเพื่อความยุติธรรม
“ผมมอบให้สำนักงาน ก.ค.ศ. ไปปรับในรายละเอียดและนำเข้าที่ประชุมก.ค.ศ.ในวันที่ 13 มกราคมนี้ เพื่อทดลองใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าว นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือถึงการแก้ไขปัญหาการบรรจุครูที่สอบคัดเลือกได้ในโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู แต่มีใบอนุญาตปฏิบัติการสอนชั่วคราว ซึ่งสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาออกให้ ทำให้ สพฐ.ไม่กล้าบรรจุเป็นข้าราชการครู ซึ่งมีจำนวน 404 คน โดยที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าครูกลุ่มนี้มีคุณสมบัติ สามารถบรรจุเป็นข้าราชการในตำแหน่งครูผู้ช่วยได้ทันที แต่ครูกลุ่มนี้ก็ต้องไปอบรมตามเงื่อนไขของคุรุสภาเพื่อให้ได้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูตัวจริงด้วย”นพ.ธีระเกียรติ กล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : เดลินิวส์
