สอบเข้ามหาวิทยาลัย
5 สัญญาณอันตราย ชี้มีผลต่อการสอบแน่นอน!!!
วันที่เวลาโพส
30 ส.ค. 59 16:41 น.
อ่านแล้ว
578
ขอต้อนรับน้องๆ #dek60 เข้าสู่เทศกาลแห่งการเตรียมตัวสอบ น้องๆเตรียมตัวกันไปถึงไหนบ้างแล้วเอ่ย พี่คิดว่าตอนนี้น้องๆคงสมัครสอบการทดสอบความถนัดทั่วไป (GAT) และความถนัดทางวิชาการและวิชาชีพ (PAT) ครั้งที่ 1 / 2560 ไปกันแล้ว พี่ขอบอกว่าคะแนน GAT/PAT ถือว่าเป็นคะแนนที่หลายมหาลัยใช้เป็นเกณฑ์น้ำหนักคะแนนในการคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาต่อ เช่น โครงการรับตรง 60 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (แบบปกติ) ถึงกับหมายเหตุไว้ว่าใช้คะแนน GAT/PAT ครั้งที่ 1/2560 เท่านั้น!!! ไหนจะสนามสอบใหญ่ของว่าที่คุณหมอ อย่างการเปิดรับสมัครผ่านระบบรับตรง (Direct Admissions) แล้วยังจะมีโครงการรับตรงที่เปิดรับสมัครโดยมหาวิทยาลัยเอง แต่หลังจากการสมัครแล้ว สิ่งที่หนักกว่าการเตรียมเอกสารการรับสมัครก็คือ “อ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ”
“สอบ” แค่พูดพี่คิดว่าน้องๆ คงเริ่มเอามือก่ายหน้าผาก ทิ้งตัวลงเตียงทันที แต่ใจเย็นคะ ลุกขึ้นมาอ่านก่อน เพราะว่าถ้าน้องๆมี 3 ใน 5 สัญญาณอันตรายตามนี้ ควรระวังได้แล้วนะคะ เตือน 5 สัญญาณอันตราย มีผลต่อการสอบแน่นอน
1.จับไม่วาง ห่างไม่ได้ (โทรศัพท์)
ภัยใกล้ตัวที่น่ากลัวเพราะเมื่อเรากำลังตั้งใจอ่านหนังสือ เสียงแจ้งเตือนและแสงจากหน้าจอที่จากมืดๆก็สว่างวาบ เหมือนเป็นสัญญาณว่าดูฉันซิหยิบฉันขึ้นไป พี่คิดว่าน้องๆก็เคยเป็น บอกกับตัวเองขอเล่นโทรศัพท์ 5 นาที รู้ตัวคลุมโปงเปิดแอร์เย็นฉ่ำนอนเล่นโทรศัพท์แล้วจ้า พี่มีเคล็ดลับง่ายๆเริ่มต้นที่ตัวเราเอง ปิดเสียงโทรศัพท์ ปิดแจ้งเตือน ปิดให้หมดคะ แล้วเอาออกไปจากระยะโต๊ะที่น้องๆกำลังอ่านหนังสืออยู่ แต่ถ้าหากน้องๆคนใดมีสมาธิมากพอ จะวางไว้ใกล้ตัวพี่ก็ไม่ว่า ตั้งกติกากับตัวเอง โฟกัสให้ถูกจะได้ไม่ต้องมาบ่นกลับตัวเอง ไม่น่าติดเล่นโทรศัพท์เลย อ่านหนังสือไม่ทัน
2.บอกกับตัวเองไม่มีเวลาอ่านหนังสือ?
สำหรับน้องๆที่กำลัง งง การบ้านก็มี รายงานก็มา โครงงานก็ถามหา ยังต้องสมัครสอบ ทบทวนตำราเรียน เสาร์-อาทิตย์ ก็ต้องไปเรียนพิเศษอีก พี่คิดว่างทางออกที่ดีที่สุด หาปฏิทินแล้วระบุไปเป้าหมายของเราไปเลยว่าวันนี้จะทำอะไร อ่านวิชาไหน ฝึกทำโจทย์กี่ข้อ อย่าพึ่งเบื่อหน่ายการทำการบ้านท้ายบทเรียนและคิดว่าเสียเวลา พี่ว่าข้อดีการทำการบ้านก็มีคือการทบทวนบทเรียนไปในตัว น้องๆอาจจะเริ่มจากอ่านวิชาที่ไม่ชอบก่อน สลับกับวิชาที่ชอบไปมา เพื่อไม่ให้น้องๆเครียดเกินไป น้องๆหลายคนคงมีความคิด วิชานี้ยากจังเทดีกว่า แต่เช็คคณะที่น้องอยากเข้าว่าต้องใช้เกณฑ์คะแนนอะไรบ้าง
3.ไม่รู้ลักษณะข้อสอบเป็นอย่างไร!!!
จะสอบอยู่แล้วเช็คหรือยังคะว่าข้อสอบที่น้องๆกำลังจะสอบลักษณะเป็นอย่างไร มีจำนวนกี่ข้อ ข้อละกี่คะแนน? เพราะถ้าน้องๆรู้จักข้อสอบ ถือว่าเป็นโอกาสในการกอบโกยคะแนนในส่วนนั้นอย่างไม่มีพลาดแน่นอน เพราะฉะนั้นการทำโจทย์เก่าๆถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก เราจะคุ้นชินกับข้อสอบที่น้องๆจะต้องเจอ เพราะการพัฒนาปรับข้อสอบในแต่ละปีจะไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้ถ้าจะเปลี่ยนเนื้อหาในการสอบใหม่หมด แต่ยังไงก็ยังคงต้องมีเค้าโครงเกณฑ์เดิมอยู่บ้าง
4.ยังไม่เคยเช็คเกณฑ์การรับสมัครของคณะที่อยากเรียน!!!
เกณฑ์การรับสมัครแต่ละมหาวิทยาลัย พี่คิดว่าเป็นสิ่งสำคัญเพราะน้องๆคงมีคณะ สาขาและมหาวิทยาลัยในฝันกันอยู่แล้วเช่น น้องอยากเข้าคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกณฑ์การรับสมัครประกอบด้วยคะแนน GAT + คะแนน PAT1 หรือ PAT7 แต่น้องๆไม่เคยเช็คเกณฑ์น้ำหนักคะแนนของคณะนิเทศศาสตร์ที่ใช้ประกอบการคัดเลือก ดันเทวิชาการทดสอบความถนัดทั่วไป (GAT) เพราะอ่านแล้วไม่เข้าใจ กลับมานั่งกอดเข่าน้ำตาตกเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นเรื่องการดูเกณฑ์การรับเข้าสมัครและคุณสมบัติ ของแต่ละมหาวิทยาลัยก็สำคัญไม่แพ้กันนะคะ
5.ไม่ติดตามข่าวสารรับตรง
เป็นหัวข้อการที่ดูแล้วไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ แต่มีอยู่จริงนะคะเพราะหลายครั้งที่น้องๆมุ่งมั่นในการอ่านหนังสือสอบมากจนลืมเช็คเวลาการเปิดรับสมัครของคณะ สาขาและมหาวิทยาลัยในฝันมารู้ตัวอีกทีก็ปิดรับสมัครไปแล้ว เรียกได้ว่าตกม้าตายตอนจะถึงเส้นชัยเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นการติดตามข่าวสารของโครงการรับตรงต่างๆหลายช่องทางก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ
พี่เชื่อว่าไม่มีใครเก่งมาแต่เกิด ล้วนแล้วแต่ต้องหมั่นอ่านหนังสือ ทบทวนตำราเรียน ขออย่าผลัดวันประกันพรุ่ง บอกกับตัวเองตลอดพรุ่งนี้ค่อยอ่าน จะทำให้น้องๆหาข้ออ้างให้ตัวเองในการไม่ทบทวนเนื้อหาที่เรียนได้เสมอ ช่วงนี้อาจจะเหนื่อยทั้งเรียน ทั้งอ่านหนังสือไหนจะต้องแบ่งเวลาจับเกม่อนอีก ทำให้เต็มที่ พยายามให้ที่สุดแล้วเราจะได้ไม่เสียใจว่าทำไมวันนั้นไม่พยายามให้มากกว่านี้ พี่ๆทีมงาน Admission Premium เป็นกำลังใจให้ #dek60 ทุกคนเราจะก้าวเข้ารั้วมหาวิทยาลัยในฝันไปพร้อมๆกัน
