" โลกใบนี้กว้างนัก ถ้าไม่ออกไปสัมผัส ชีวิตคงน่าเสียดาย " คงมีไม่กี่คนที่ได้ไปเที่ยวรอบโลก หรือไปสัมผัสบรรยากาศต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก ในบทความนี้เราไม่ได้บอกให้ทุกคนต้องออกไปเที่ยวรอบโลก แต่อยากจะบอกว่า ยังมีหลายประเทศที่น่าสนใจและมีระบบการศึกษาที่ดีกว่าประเทศไทยของเรา และคงจะดีไม่น้อยหากเราได้มีโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศเพื่อไปเปิดโลกกว้างให้กับตัวเอง และในบทความนี้
AdmissionPremium จึงอยากมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ
5 ประเทศที่มีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลกปัจจุบัน มาดูกันว่ามีประเทศใดบ้าง และประเทศไทยของเราอยู่ลำดับที่เท่าไหร่นะ?
1. สหรัฐอเมริกา
ประเทศสหรัฐอเมริกา มีมหาวิทยาลัย 30 แห่งที่ติด 100 อันดับมหาวิทยาลัยระดับโลกจาก QS ปี 2016 โดยมี Massachusetts Institute of Technology (MIT) ติดอันดับที่ 1 จากทั้งหมด! ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งได้คะแนนรวมเต็ม 100 คะแนน หากแยกออกเป็นแต่ละด้านก็ล้วนได้คะแนนเต็ม 100 คะแนนทั้งหมดไม่ว่าจะ ด้านชื่อเสียงวิชาการ, ทัศนคติของผู้จ้างงานต่อมหาวิทยาลัย, สัดส่วนจำนวนอาจารย์ต่อนักศึกษา, สัดส่วนจำนวนการอ้างอิงต่อผลงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในรอบ 5 ปี และบุคลากรสายวิชาการผู้ถือสัญชาติอื่นมาทำหน้าที่สอนและทำวิจัย ถึงแม้ว่าคะแนนด้านนักศึกษาต่างชาติจะด้อยกว่าเล็กน้อยได้ 95.5 คะแนน (นักศึกษา MIT มีทั้งหมด 11,051 คน เป็นต่างชาติ 3,697 คน)
2. อังกฤษ
ไม่แปลกใจว่าทำไมสหราชอาณาจักรหรือ ประเทศอังกฤษ ถึงได้ครองอันดับที่ 2 จาก 10 ประเทศการศึกษาแข็งแกร่งที่สุดในโลก เนื่องจากมีมหาวิทยาลัยติดอันดับ 100 สถาบันการศึกษาระดับโลกกว่า 18 แห่ง โดยอันดับที่สูงที่สุดคือ อันดับ3 the University of Cambridge, อันดับ 6 The University of Oxford, อันดับ 7 University College London และอันดับ 8 Imperial College London และอังกฤษยังมีสภาพภูมิอากาศที่น่าลองไปสัมผัสดู และยังมีหลายสิ่งหลายอย่างมากมายที่สวยงามและตอบโจทย์นักเรียนไทยไม่น้อย
3. เยอรมนี
ถึงแม้ว่าสถาบันการศึกษาจากประเทศเยอรมนีจะไม่ติดอันดับ 50 มหาวิทยาลัยระดับโลก แต่ก็สามารถติดอันดับหนึ่งใน 100 โดยมีทั้งหมด 4 แห่งเท่านั้น ซึ่งอันดับที่สูงที่สุด คือ Technische Universität München ในอันดับที่ 60 สิ่งที่น่าสนใจที่ทำให้เยอรมนีติดอันดับ 3 ประเทศระบบการศึกษาแข็งแกร่งที่สุดในโลก คือ การปลอดค่าธรรมเนียมการเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยรัฐบาล ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาเข้าถึงการศึกษาได้อย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะนักศึกษาในท้องถิ่น หรือนักศึกษาชาวต่างชาติ (ยกเว้นค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายต่างๆ ต้องออกเอง) นอกจากนี้เมืองหลวงอย่างเบอร์ลินยังติดอันดับที่ 9 จากการจัดอันดับ 10 เมืองที่ดีที่สุดสำหรับนักศึกษาปี 2016 อีกด้วย น่าสนใจมากเลยทีเดียว
4. ออสเตรเลีย
ออสเตรเลียถือเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีคนไทยนิยมไปเยี่ยมเยียนเยอะมากและจากการจัดอันดับ 100 มหาวิทยาลัยระดับโลก ออสเตรเลียก็ส่งมหาวิทยาลัยเข้าไปติดอันดับถึง 7 แห่ง อันดับสูงที่สุดคือ The Australian National University อยู่ที่อันดับ 19 เท่ากันกับ King’s college จาก เมืองลอนดอน สหราชอาณาจักร ได้ QS Stars 5 + , คะแนนความมีชื่อเสียงทางวิชาการร้อยละ 99.6 และ มีจำนวนบุคลากรสายวิชาการผู้ถือสัญชาติต่างชาติมาทำหน้าที่สอนและทำวิจัยสูงถึง 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม และที่สำคัญสภาพอากาศในออสเตรเลีย รวมถึงสิ่งแวดล้อมมีความสวยงามตระการตามากๆ ไม่แพ้ชาติใดในโลกอย่างแน่นอน ใครอยากไปเรียน หรือพักผ่อนหย่อยใจ ที่นี่มีทุกอย่างที่เราต้องการ
5. แคนาดา
จากการที่มหาวิทยาลัย 3 แห่งของแคนาดาที่ติดใน 50 อันดับโลกโดย QS ทำให้ประเทศนี้ขึ้นมาสู่อันดับที่ 5 ประเทศเพื่อการศึกษามหาวิทยาลัย McGill University ถูกจัดอันดับที่ 24 ในขณะที่ The University of Toronto อยู่อันดับที่ 34 และ The University of British Columbia อยู่อันดับที่ 50 พอดี แคนาดาเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับคนอยากต่อนอก เพราะนอกจากจะมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา ขั้นตอนการสมัครยังไม่ยุ่งยากอีกด้วย สำหรับคนที่สนใจไม่ว่าจะเป็นประเทศใดก็ตาม ก็ควรที่จะหาข้อมูลอย่างละเอียด และทำตามอย่างเคร่งครัด
สำหรับประเทศไทยนั้นก็ติดอันดับกับเขาด้วยเหมือนกัน โดยมีมหาวิทยาลัยมหิดล ได้อันดับที่ 44 จาก QS University Rankings: Asia 2015
และ อันดับ 257 สำหรับ the QS World University Rankings 2014/15 ,จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ the QS World University Rankings 2014/15 อันดับที่ 243 และในเอเชีย อันดับที่ 53 ส่วนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ก็ได้อันดับที่ 99 สำหรับอันดับมหาวิทยาลัยในเอเชียเช่นเดียวกัน ประเทศไทยของเราก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกันนะเนี่ย