AdmissionPremium โดย บริษัท อัพบีน จำกัด เป็นหนึ่งในตัวแทนสตาร์ทอัพ ร่วมกำหนดอนาคตประเทศไทย นำไปสู่การเป็น Thailand : STARTUP NATION ในงาน "สตาร์ทอัพร่วมกำหนดอนาคตประเทศไทย"
วันนี้ (1พ.ย.61) เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี AdmissionPremium โดย บริษัท อัพบีน จำกัด เข้าพบพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศ ด้านการศึกษา ในงาน "สตาร์ทอัพร่วมกำหนดอนาคตประเทศไทย" โดยมีผู้ร่วมงาน ประกอบด้วย นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีคณะผู้บริหารกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กลุ่มสตาร์ทอัพ นักศึกษาโครงการสตาร์ทอัพของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ตัวแทนนิสิต นักศึกษา เยาวชนไทย จาก STARTUP Thailand League เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชน รวมประมาณ 600 ราย
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบข้อเสนอต่อภาครัฐเพื่อนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาระบบนิเวศวิสาหกิจเริ่มต้น จากผู้แทนวิสาหกิจเริ่มต้น (Start up) ใน 7 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
1. ควรส่งเสริมให้การจัดตั้งและประกอบกิจการสตาร์ทอัพในประเทศเป็นไปอย่างสะดวก โดยจัดตั้งหน่วยงานที่กำกับดูแลสตาร์ทอัพโดยเฉพาะ การจัดตั้งหน่วยงานบริการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One Stop Service: "OSS")
2. ควรให้การสนับสนุนทางการตลาด รวมไปถึงการขยายกิจการสตาร์ทอัพไปยังต่างประเทศ ทั้งตลาดภาครัฐ ตลาดภาคเอกชน และตลาดความร่วมมือระหว่างประเทศ
3. ควรให้การสนับสนุนเพื่อดึงดูดบุคลากรที่มีทักษะสูงต่อระบบนิเวศสตาร์ทอัพในไทย โดยอาจสนับสนุนในรูปแบบของการให้งบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐเป็นค่าตอบแทนในการฝึกงานในสตาร์ทอัพ หรือการให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี
4. ควรสนับสนุนให้การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงตั้งแต่ขั้นตอนการพัฒนา โดยให้ความช่วยเหลือแก่สถาบันการศึกษาที่คิดค้นนวัตกรรม หรืออาจจัดตั้งกองทุนสำหรับสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยจัดสรรงบประมาณไว้สำหรับเรื่องนี้โดยเฉพาะ
5. ควรส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และการระดมทุนของสตาร์ทอัพ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน
6. ควรส่งเสริมให้มีการสร้างสังคมผู้ประกอบการ โดยให้ความสำคัญต่อการพัฒนาทักษะ ความรู้ด้านเทคโนโลยี และความเป็นผู้ประกอบการ รวมถึงสนับสนุนให้ผู้คนในทุกช่วงอายุสารถเป็นผู้ประกอบการได้
7. ควรให้การสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรม และการจัดตั้งหน่วยงานที่เป็นศูนย์รวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง โดยควรให้มีกฎหมายที่เอื้ออำนวยให้เกิดการทดสอบ พัฒนานวัตกรรม และมีระบบโครงสร้างพื้นฐานของระบบนิเวศสตาร์ทอัพในภาพรวมระดับประเทศ อาทิ กฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว กฎหมายบริษัทจำกัด และข้อจำกัดอื่นๆ เช่น ข้อจำกัดในเรื่องของการแปลงหนี้เป็นทุน การเสนอขายหุ้นให้แก่บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้ถือหุ้นเดิม เป็นต้น ทั้งยังควรจัดให้มีศูนย์วิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติเพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการติดต่อให้ข้อมูล และบริการภายในระบบนิเวศของสตาร์ทอัพ
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า ข้อเสนอแนะที่ได้รายงานและนำเสนอในวันนี้ รัฐบาลยินดีจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยเป็นไปตามกรอบ และการดำเนินการที่เหมาะสม เช่น เรื่องของการแก้ไขกฎหมาย แหล่งเงินทุน การอำนวยความสะดวก One Stop Service ฯลฯ พร้อมช่วยผลักดันการพัฒนาระบบนิเวศของสตาร์ทอัพไทยให้เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และสามารถแข่งขันทางธุรกิจ ขยายขอบเขตไปสู่ระดับโลก และเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อนำประเทศไทยไปสู่การเป็น Thailand : STARTUP NATION และพลังของ startup power จะถูกนำไปใช้ในการขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งเชื่อว่าทุกคนพร้อมที่จะทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็ง เพื่อให้ประเทศไทยของเราก้าวไปสู่ Thailand : STARTUP NATION ได้ในอนาคตต่อไป