ฮือฮาภาพจริงไม่ได้เมค "คนคุม-นศ.โชว์สปิริตเกินบรรยาย จุดเทียนลุยทำข้อสอบแม้ไฟดับ" ชี้พายุฝนกระหน่ำจนหม้อแปลงระบิด แต่ไม่อยากหยุดชะงัก ร้องขอ"อยากสอบต่อ" ชาวเน็ตประทับใจ แซว "แสงเทียนส่องนำปัญญา" ของจริง
เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเป็นภาพที่ถูกแชร์มากในสื่อโซเชียล โดยเฉพาะที่ จ.อุบลราชธานี สำหรับภาพของนักศึกษาที่กำลังนั่งทำข้อสอบอยู่ในมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ท่ามกลางความมืดมิดของห้องสอบ มีเพียงแสงสว่างจากแสงเทียนไขที่ถูกจุดตั้งไว้ในแต่ละโต๊ะของนักศึกษาที่ทำข้อสอบเท่านั้น โดยมีข้อความระบุด้วยว่า "กรรมการ-นศ.อุตสาหะ ไม่ลดละความพยายามแม้ไฟฟ้าดับ อุตส่าห์หาเทียนมาจุดทำข้อสอบต่อ" สร้างความแปลกใจแปลกตาให้กับผู้ที่ได้ดูภาพดังกล่าว และแสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆนานา ว่าเป็นเหตุการณ์จริงหรือภาพล้อเลียนที่แต่งขึ้นเอง กระทั่งถูกแชร์ส่งต่อไปทั่วโลกออนไลน์
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปค้นหาข้อเท็จจริง ก่อนจะพบว่าภาพที่ปรากฏนั้นเป็น "เรื่องจริง" โดยเกิดขึ้นในระหว่างที่นักศึกษาชั้นปี 4 คณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ ม.อุบลราชธานี กำลังก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบวิชาสุดท้ายก่อนจบการศึกษา เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (2 มิ.ย.) แต่ช่วงเวลานั้น จู่ๆได้เกิดพายุฝนลมกระโชกแรงมาก ทำให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง รวมถึงที่ห้องสอบดังกล่าวด้วย สุดท้ายกรรมการผู้คุมสอบและบรรดานักศึกษา ที่ไม่ต้องการหยุดการสอบ จึงหารือกัน แก้ปัญหาด้วยการนำเทียนมาจุดเพิ่มแสงสว่าง และสามารถผ่านพ้นการทำข้อสอบไปได้ด้วยดี
ซึ่ง น.ส.กนกวรรณ ผ่องแผ้ว กรรมการคุมสอบ เล่าว่า ช่วงเวลา 17.00-19.30 น.วันที่ 2 มิ.ย. ในขณะที่ตนคุมสอบวิชากฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 2 ที่ห้องสอบ 2203 ชั้น 2 อาคารคณะนิติศาสตร์ ม.อุบลราชธานี จู่ๆได้เกิดไฟฟ้าดับไปทั่วบริเวณ สาเหตุมาจากมีพายุฝนและลมกระโชกหนักมาก ทราบภายหลังว่าหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด
"ตอนนั้นได้แจ้งอาจารย์รายวิชาให้ทราบ ก่อนจะหารือกับนักศึกษา และทั้งหมดตกลงกันว่าไม่อยากหยุดชะงักการสอบ ต้องการสอบต่อเลย จึงตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการให้นักศึกษาวิ่งไปเอาเทียนไขที่เหลือจากการทำกิจกรรม มาจุดส่องแสงเพิ่มความสว่างในแต่ละโต๊ะ แบบของใครของมันจนสามารถทำข้อสอบจนเสร็จสิ้นได้ แต่ทั้งนี้ได้ทดเวลาทำข้อสอบให้กับนักศึกษาในช่วงที่เกิดปัญหาด้วย บางคนที่เห็นภาพได้แซวติดตลกว่า "แสงเทียนส่องนำทางสู่ปัญญา" ดั่งคำโบราณที่ว่าไว้จริงๆ" กรรมการผู้คุมสอบ เล่าเรื่องราว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
เดลินิวส์