ทางเลือกในการหาทุนเรียน MBA
"ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" ก่อนที่เราจะพึ่งคนอื่น เราต้องพึ่งตัวเองก่อนใช้ความสามารถของัวเองให้เต็มที่ โดยเฉพาะในเรื่องของการเรียนไม่ว่าจะเป็นการเรียนในระดับไหนก็ตาม ต่างก็ต้องใช้ความรู้ ความสามารถ ความพยายามในการเรียนรู้ ยิ่งเราเรียนสูงขึ้นมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องใช้ความพยายามมากขึ้นเท่านั้น และการมองหาทุนเรียนก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีไม่น้อย โดยเฉพาะนักศึกษาปริญญาโทที่กำลังมองหาทุนเรียนหลักสูตร MBA วันนี้พี่มีเคล็ดลับดีๆ มาบอก
มองหาทุนเรียนฟรี
นับเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับการหาทุนเรียนต่อ MBA ทั้งในและต่างประเทศ โดยทุนเรียนฟรีนั้น สามารถหาได้จากสถาบันการศึกษาชั้นนำต่างๆ หรือองค์กรและมูลนิธิต่างๆ เช่น มูลนิธิการศึกษา ไทย - อเมริกัน (TUSEF) สถาบันขงจื๊อ (ประเทศจีน) เป็นต้น โดยจะมีการกำหนดเงื่อนไขและคุณสมบัติของผู้สมัคร เช่น เกรดเฉลี่ย (ระดับปริญญาตรี) ประสบการณ์ทำงาน ผลคะแนนสอบ เช่น GMAT, IELTS, TOEFL เป็นต้น รวมไปถึงสาขาวิชาที่เปิดรับ โดยเงื่อนไขการให้ทุนแบ่งหลักๆ ออกเป็น 4 ประเภท เช่น
1.ทุนแบบเต็มจำนวน คือ ทุนที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าเล่าเรียน ค่ากินอยู่ ค่าที่พักและค่าเดินทาง โดยจะมีวงเงินจำกัดไว้แต่ต้น
2.ทุนแบบบางส่วน คือ ทางสถาบันจะออกให้บางส่วน เช่น เฉพาะค่าเล่าเรียน ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ผู้เรียนต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด
3.ทุนแบบมีภาระผูกพัน คือ มีการกำหนดว่าเมื่อได้รับทุนไปแล้วจะต้องกลับมาทำงานในองค์กรนั้นๆ หรือกำหนดผลการศึกษาตลอดระยะเวลาที่ศึกษา
4.ทุนแบบไม่มีภาระผูกพัน คือ ทุนให้เปล่า ไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใดๆผูกพันทั้งสิ้น
เรียนไปทำงานไป
ปัจจุบันมีหลักสูตรมากมายที่รองรับผู้ที่ทำงานประจำ โดยเสนอหลักสูตร part-time MBA ซึ่งมีตารางเรียนนอกเวลาทำงานไม่ว่าจะเป็นช่วงเย็นหรือเสาร์อาทิตย์ รวมไปถึงการเรียนทางไกล (Online-Program) ซึ่งนั่นก็หมายความว่าถึงแม้เราจะทำงานประจำก็ตาม เราก็ยังสามารถทำงานและมีเงินเรียนไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าการเลือกวิธีนี้เราอาจต้องใช้ความพยายามมากขึ้นสำหรับการเรียน และต้องสละเวลาส่วนตัวไป แต่สิ่งที่จะได้กลับมานั้นคุ้มค่าแน่นอน เหนื่อยในวันนี้เพื่อสบายในวันหน้า
รับงานผู้ช่วยสอน หรือผู้ช่วยงานวิจัย
เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะได้ทุนสนับสนุนค่าศึกษาเล่าเรียนส่วนหนึ่ง ซึ่งผู้ช่วยสอน หรือ Teaching Assistant จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยอาจารย์ในการสอนแทน ตรวจการบ้าน เฉลยการบ้าน ตอบข้อสงสัยของนักศึกษาในห้องเรียน โดยการจะได้เป็นผู้ช่วยสอนนั้น บางครั้งอาจารย์จะเป็นผู้เลือก หรือเราสามารถแจ้งความจำนงสมัครได้ ซึ่งลักษณะของผู้ที่เหมาะกับงานนี้คือถนัดในการถ่ายทอดความรู้ มีความรับผิดชอบสูง ข้อดีคือได้ใกล้ชิดอาจารย์ผู้สอน สามารถขอคำปรึกษาต่างๆ ได้ง่าย เราจะทั้งความรู้และประสบการณ์จากตัวจริงประสบการณ์จริงอย่างแน่นอน
เงินกู้เพื่อการศึกษา
อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่อยากหาทุนเรียนต่อ ปัจจุบันธนาคารต่างๆ ได้เปิดโครงการเงินกู้เพื่อการศึกษา ซึ่งเปิดให้วงเงินกู้ถึง 100% โดยเป็นอัตราดอกเบี้ยพิเศษ หรือแม้กระทั่งไม่ต้องมีบุคคลหรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทั้งนี้ข้อกำหนดและเงื่อนไขต่างๆ จะขึ้นอยู่กับธนาคาร ถ้าหมดหนทางหาทุนฟรีจริงๆ เราก็คงต้องพึ่งตัวเอง โดยการกู้เงินมาเรียน เพื่ออนาคตวันข้างหน้าของเราจะได้มีหน้าที่การงานที่ดี
ในอนาคตเราต้องเผชิญกับอะไรบ้างก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้เรายังมีแรง ยังมีลมหายใจ เราควรเลือกสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับตัวเองอยู่เสมอ การเรียน MBA ถึงแม้จะมีค่าเล่าเรียนที่แพง แต่ในปัจจุบันธนาคารมีให้กู้ ใครที่อยากเห็นความก้าวหน้าของตัวเองก็คงต้องยอมลงทุนกันหน่อย หรือหาทางหารายได้เสริมในช่วงระหว่างที่เรียน เชื่อว่าสักวันหนึ่งความสำเร็จคงอยู่ไม่ไกลจากตัวเรา
มองหาทุนเรียนฟรี
นับเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับการหาทุนเรียนต่อ MBA ทั้งในและต่างประเทศ โดยทุนเรียนฟรีนั้น สามารถหาได้จากสถาบันการศึกษาชั้นนำต่างๆ หรือองค์กรและมูลนิธิต่างๆ เช่น มูลนิธิการศึกษา ไทย - อเมริกัน (TUSEF) สถาบันขงจื๊อ (ประเทศจีน) เป็นต้น โดยจะมีการกำหนดเงื่อนไขและคุณสมบัติของผู้สมัคร เช่น เกรดเฉลี่ย (ระดับปริญญาตรี) ประสบการณ์ทำงาน ผลคะแนนสอบ เช่น GMAT, IELTS, TOEFL เป็นต้น รวมไปถึงสาขาวิชาที่เปิดรับ โดยเงื่อนไขการให้ทุนแบ่งหลักๆ ออกเป็น 4 ประเภท เช่น
1.ทุนแบบเต็มจำนวน คือ ทุนที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าเล่าเรียน ค่ากินอยู่ ค่าที่พักและค่าเดินทาง โดยจะมีวงเงินจำกัดไว้แต่ต้น
2.ทุนแบบบางส่วน คือ ทางสถาบันจะออกให้บางส่วน เช่น เฉพาะค่าเล่าเรียน ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ผู้เรียนต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด
3.ทุนแบบมีภาระผูกพัน คือ มีการกำหนดว่าเมื่อได้รับทุนไปแล้วจะต้องกลับมาทำงานในองค์กรนั้นๆ หรือกำหนดผลการศึกษาตลอดระยะเวลาที่ศึกษา
4.ทุนแบบไม่มีภาระผูกพัน คือ ทุนให้เปล่า ไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใดๆผูกพันทั้งสิ้น
เรียนไปทำงานไป
ปัจจุบันมีหลักสูตรมากมายที่รองรับผู้ที่ทำงานประจำ โดยเสนอหลักสูตร part-time MBA ซึ่งมีตารางเรียนนอกเวลาทำงานไม่ว่าจะเป็นช่วงเย็นหรือเสาร์อาทิตย์ รวมไปถึงการเรียนทางไกล (Online-Program) ซึ่งนั่นก็หมายความว่าถึงแม้เราจะทำงานประจำก็ตาม เราก็ยังสามารถทำงานและมีเงินเรียนไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าการเลือกวิธีนี้เราอาจต้องใช้ความพยายามมากขึ้นสำหรับการเรียน และต้องสละเวลาส่วนตัวไป แต่สิ่งที่จะได้กลับมานั้นคุ้มค่าแน่นอน เหนื่อยในวันนี้เพื่อสบายในวันหน้า
รับงานผู้ช่วยสอน หรือผู้ช่วยงานวิจัย
เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะได้ทุนสนับสนุนค่าศึกษาเล่าเรียนส่วนหนึ่ง ซึ่งผู้ช่วยสอน หรือ Teaching Assistant จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยอาจารย์ในการสอนแทน ตรวจการบ้าน เฉลยการบ้าน ตอบข้อสงสัยของนักศึกษาในห้องเรียน โดยการจะได้เป็นผู้ช่วยสอนนั้น บางครั้งอาจารย์จะเป็นผู้เลือก หรือเราสามารถแจ้งความจำนงสมัครได้ ซึ่งลักษณะของผู้ที่เหมาะกับงานนี้คือถนัดในการถ่ายทอดความรู้ มีความรับผิดชอบสูง ข้อดีคือได้ใกล้ชิดอาจารย์ผู้สอน สามารถขอคำปรึกษาต่างๆ ได้ง่าย เราจะทั้งความรู้และประสบการณ์จากตัวจริงประสบการณ์จริงอย่างแน่นอน
เงินกู้เพื่อการศึกษา
อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่อยากหาทุนเรียนต่อ ปัจจุบันธนาคารต่างๆ ได้เปิดโครงการเงินกู้เพื่อการศึกษา ซึ่งเปิดให้วงเงินกู้ถึง 100% โดยเป็นอัตราดอกเบี้ยพิเศษ หรือแม้กระทั่งไม่ต้องมีบุคคลหรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทั้งนี้ข้อกำหนดและเงื่อนไขต่างๆ จะขึ้นอยู่กับธนาคาร ถ้าหมดหนทางหาทุนฟรีจริงๆ เราก็คงต้องพึ่งตัวเอง โดยการกู้เงินมาเรียน เพื่ออนาคตวันข้างหน้าของเราจะได้มีหน้าที่การงานที่ดี
ในอนาคตเราต้องเผชิญกับอะไรบ้างก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้เรายังมีแรง ยังมีลมหายใจ เราควรเลือกสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับตัวเองอยู่เสมอ การเรียน MBA ถึงแม้จะมีค่าเล่าเรียนที่แพง แต่ในปัจจุบันธนาคารมีให้กู้ ใครที่อยากเห็นความก้าวหน้าของตัวเองก็คงต้องยอมลงทุนกันหน่อย หรือหาทางหารายได้เสริมในช่วงระหว่างที่เรียน เชื่อว่าสักวันหนึ่งความสำเร็จคงอยู่ไม่ไกลจากตัวเรา