มาทำความรู้จักหลักสูตร MBA กันดีกว่า
"ตราบใดที่เรายังไม่ลงมือทำ อย่าเชื่อว่าเราทำไม่ได้" คนเรานั้นชอบคิดไปเองว่าทำไม่ได้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยลงมือทำ โลกตอนนี้มันเปลี่ยนไปมากแล้ว และหากพูดถึงการไปเรียนต่อเมืองนอก หลักสูตรการบริหารธุรกิจอย่าง MBA (Master of Business Administration) มักจะเป็นหลักสูตรที่รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ดังนั้นวันนี้พี่จึงมีข้อมูลดีๆ ที่จะทำให้น้องๆ ได้ทำความรู้จักกับ MBA ว่ามันมีดีอย่างไร ?
หลักสูตร MBA เหมาะกับใคร ?
MBA หรือเรียกเต็มๆ ว่า Master of Business Administration ซึ่งเปรียบเสมือนสะพานที่พาเราไปสู่ความสำเร็จทางธุรกิจในอนาคตของคนที่เรียนเลยก็ว่าได้ เพราะหลักสูตรนี้ได้ถูกออกแบบมาสำหรับคนที่ชอบเรียนรู้ โดยเฉพาะคนที่สนใจอยากจะเป็นผู้นำทางธุรกิจการบริหารอย่างการตลาด การเงิน การจัดการทรัพยากรบุคคล หรือนักบัญชี ไม่ว่าคนที่เรียนจะมีประสบการณ์ในการทำงานด้านไหนก็ตาม หลักสูตร MBA จะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับคนที่อยากจะก้าวหน้าในอาชีพการงานของตัวเอง
โครงสร้างหลักสูตร
ระยะเวลาของหลักสูตรอยู่ที่ 1 - 2 ปี ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยที่เลือกเรียน เนื่องจาก MBA เป็นหลักสูตรที่ได้รับความนิยมมาก ข้อมูลของหลักสูตรจึงหาได้ไม่ยาก ค่าเทอมก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่มหาวิทยาลัยจะกำหนด การเลือกมหาวิทยาลัยควรจะเลือกโปรแกรมที่ได้รับการรับรองคุณภาพจากองค์กรที่ตรวจสอบหลักสูตร MBA เป็นหลัก นอกจากนี้อาจจะเลือกสถาบันที่ได้รับการรับรองแบบ International นอกเหนือจากการพิจารณาจากค่าเล่าเรียนเพียงอย่างเดียว เทรนด์ของหลักสูตร MBA ในปัจจุบันนั้น ได้แยกย่อยออกไปอย่างมากมาย ในหลายๆ มหาวิทยาลัยก็ได้ทำการพัฒนาหลักสูตรให้เหมาะสมกับเทรนด์ของโลกที่เปลี่ยนไป เพราะโลกในปัจจุบันมันได้ก้าวเข้าสู่ยุคของ Thailand 4.0 แล้วนะครับ
การรับสมัคร
สถาบันส่วนมากจะรับนักศึกษาที่จบในระดับวิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัย ที่มีประสบการณ์ทำงานในบริษัท 3 ปีขึ้นไป สถาบันบางแห่งไม่ได้กำหนดว่าจะต้องจบจากมหาวิทยาลัย แต่ผู้สมัครจะต้องแสดงออกถึงความสามารถที่โดดเด่นกว่าคนอื่น โดยเฉพาะการรับมือปัญหาและความท้าทายในที่ทำงาน ดังนั้นประสบการณ์ทำงานถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นงานประจำหรืองานนอกเวลาก็ตาม นอกจากนี้ นักเรียนต่างชาติจะต้องผ่านข้อกำหนดด้านภาษา ซึ่งสถาบันส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ที่ IELTS 6.5 หรือ TOEFL 580 ขึ้นไป จึงจะมีสิทธิ์สมัครเรียน
ข้อดีของหลักสูตร MBA
- หลักสูตร MBA ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ความเชี่ยวชาญหลายด้านอย่างลึกซึ้ง
- ความรู้เหล่านี้จะช่วยให้ผู้เรียนแข่งขันในตลาดแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยให้เรามีโอกาสได้งานที่ดีขึ้น
- สามารถนำความรู้และทักษะที่ได้รับไปปรับใช้กับงานได้หลายสาขา เช่น ความเป็นผู้นำ การบริหารจัดการองค์กร การจัดการเวลา เป็นต้น
- การเข้าร่วมหลักสูตรจะเปิดโอกาสให้เราได้พบคนใหม่ๆ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ซึ่งทำให้เรามี Connection ที่ดีขึ้น และรู้จักคนหลากหลายอาชีพ
- นอกจากจะช่วยให้หางานได้ง่ายขึ้นแล้ว MBA ยังช่วยให้เรามีทักษะที่เพียงพอต่อการเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองอีกด้วย หากเราต้องการที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือเป็นนายตัวเอง
หลักสูตร MBA นั้นก็มีข้อเสียอยู่บ้าง ในเรื่องของค่าเล่าเรียนที่ค่อนข้างแพง เรียนค่อนข้างหนักและเนื้อหารยากมาก แต่การเรียน MBA ก็ไม่ใช่ทางเลือกเดียวเสมอไป สถาบันหลายแห่งที่เปิดสอน MBA มักจะเปิดสอนหลักสูตรระดับปริญญาโทเกี่ยวกับธุรกิจจำนวนมาก เราอาจจะลองดูหลักสูตรที่เฉพาะเจาะจงและเกี่ยวข้องกับอาชีพที่เราสนใจเป็นหลัก เช่น หากสนใจทำงานในบริษัทข้ามชาติและรูปแบบการจัดการองค์กร หลักสูตรปริญญาโทด้านธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business) อาจจะเหมาะสมกว่า และมันจะตอบโจทย์กับตัวเราเองมากกว่า
จากบทความข้างต้น หากยังไม่แน่ใจว่าอยากเรียน MBA หรือไม่ อาจจะลองถามคนที่เคยเรียนแล้วดู จะได้คำแนะนำดีๆ ที่ช่วยให้เราเข้าใจหลักสูตร MBA มากขึ้น นอกจากนี้อาจจะลองหาข้อมูลจากแผนกให้คำปรึกษาของมหาวิทยาลัย หรืออาจารย์ และเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละหลักสูตรกับความสามารถและความคาดหวังของเราเอง และหากยังสงสัยว่าจะเลือกอะไร ก็ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ค้นหาหลักสูตรที่เหมาะสมกับเราทั้งเรื่องของเวลาและความพยายาม ที่แน่ๆ การเรียน MBA มีประโยชน์ต่ออนาคตแน่นอน "อนาคต กำหนดได้ ด้วยตัวเราเอง"