สำหรับใครที่สนใจติดตามแวดวงไอทีและเป็นสาวก Apple ก็คงไม่พลาดติดตามงานที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ทั่วโลกจะมีโอกาสได้พบกับวิศวกรจากฝั่ง Apple มากขึ้นอย่าง งาน World Wide Developer Conference หรือ WWDC 2017 โดยงานครั้งที่ 28 นี้ จัดขึ้น ณ หอประชุม McEnery รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 5-9 มิถุนายน นับเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่ Apple กลับไปจัดงานที่หอประชุมดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้นักพัฒนาโปรแกรมจากทั่วทุกมุมโลกมีโอกาสได้มาพบปะกับวิศวกรจาก Apple อย่างทั่วถึง (หอประชุม McEnery อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากสำนักงานแห่งใหม่ของ Apple)
ทิม คุก (Tim Cook) CEO คนปัจจุบันของ Apple เริ่มงานด้วยการเน้นกล่าวถึงนักเรียนพัฒนาโปรแกรมของ Apple เป็นหลัก โดยในปีนี้มีนักพัฒนาโปรแกรมที่ลงทะเบียนกับ Apple มากถึง 16 ล้านคน และมีนักพัฒนาเข้าร่วมงานนี้มากกว่า 5,300 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเรียนพัฒนาโปรแกรมทั้งหมด และยกตัวอย่างนักเรียนที่อายุน้อยที่สุดอย่างเจ้าหนู Youma Sorianto วัย 10 ปี จากประเทศออสเตรเลีย และคุณยาย Mosako วัย 82 ปี ที่เปิดตัวแอปฯ ชิ้นแรกของเธอไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
และในปีนี้ Apple ได้สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ๆ ถึง 6 อย่างพร้อมกัน นวัตกรรมที่โดดเด่นที่สุดของงานหนีไม่พ้น iMac Pro และ HomePod ซึ่ง iMac Pro ได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็น Mac ที่ดีที่สุดเท่าที่ Apple เคยมีมา ขณะที่ HomePod ก็เป็นการก้าวเข้าร่วมในตลาดลำโพงอัจฉริยะกับ Amazon Echo และ Google Home อย่างเต็มตัวของ Apple
|| งาน WWDC 2017 นี้ Apple ได้อัปเดตผลิตภัณฑ์ 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ ระบบปฏิบัติการ (OS) ทั้ง iOS 11, tvOS 11, watchOS 4, macOS 10.13 และ อุปกรณ์รุ่นใหม่ อย่าง Mac, MacBook รุ่นอัปเดต, HomePods และ iPad Pro 10.5 นิ้วรุ่นใหม่ ||
นอกจากนี้ Apple ยังเน้น การประยุกต์ใช้ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ให้สอดคล้องกับการสร้างคอนเทนต์แบบ VR และ AR มากขึ้นด้วย ในส่วนนวัตกรรมอื่นๆ และไฮไลต์ภายในงานที่เหลือจะมีอะไรบ้างนั้น เราได้รวบรวมมาให้คุณที่นี่เเล้ว ตามมาดูกันเลย!
tvOS
ในปีนี้ Amazon จะเข้ามาเป็นหนึ่งในช่องทางการรับชมคอนเทนต์ผ่าน Apple TV และ tvOS
เป็น OS สำหรับทีวี ที่คุณจะได้ชม Content จาก Amazon แบบ Prime Video
watchOS/apple watch OS
apple watch OS ที่ทิมเคลมว่าได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ส่วน watchOS รุ่นที่ 4 มีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของหน้าตาใหม่ ที่บอกข้อมูลได้สะดวก พร้อมเพิ่ม Siri บน Watch Face สั่งงานผ่าน Siri ได้ และมีหน้าปัดที่หลากหลาย รวมถึงภาพของ Toy Story
ส่วน Activity จะมีเรื่องของการ Challenge กับเพื่อน ๆ ได้ด้วย ว่าจะทำได้หรือไม่ ถือว่าเป็นอีกลูกเล่นที่น่าสนใจ หน้าWorkout ก็มีให้เลือกมากขึ้น ในเรื่องการวิ่งข้างนอกก็สามารถเลือกฟีเจอร์ต่างๆ รวมทั้งสามารถวัดการปั่นจักรยานด้วยความเร็วได้ และสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ใน Fitness หรือ Ant+ ได้ และ Apple Music สำหรับ Apple Watch สามารถเชื่อมต่อเพลงผ่าน AirPods ได้แล้ว และยังเปิดให้นักพัฒนาสามารถจัดเรื่อง Full Screen เพิ่มเกี่ยวกับ Core Bluetooth และระบบนำทาง
macOS
เปิดตัว macOS High Sierra พร้อมจุดเด่นหลายเรื่องทั้งความเร็ว ความสวยงาม ประกอบไปด้วย
- Safari Web Browser ได้รับการเคลมว่าเร็วที่สุดเท่าที่ Apple เคยมีมา พร้อมระบบ Autoplay Blocking ป้องกันไม่ให้เล่นวีดีโอเอง และมี Intelligent Tracking Prevention ป้องกันการติดตาม
- Mail มีการเพิ่มเติมเรื่องของการใช้งานแบบ Spilt View ได้ และลดการใช้พื้นที่กว่า 35%
- Photos มีการค้นหาข้อมูลด้วยการเลือกทั้งวันที่, คน และสามารถปรับแต่งภาพได้มีความละเอียดกว่าเดิม แถมง่ายกว่า Photoshops และปรับใส่เป็นรูปได้
- มีการนำ Apple File Apps มาใช้ ซึ่งมีจุดเด่น Copy File ทำได้รวดเร็วกว่าเดิม และลดปัญหาของ mac ที่มันจะเลือกว่า จะ Replace หรือ Merge
- GPU มีการเพิ่ม Metal 2 แรงขึ้น 10 เท่า ทำให้สามารถใช้งานกราฟฟิกได้เร็วขึ้นกว่าเดิม และมีการทำงานร่วมกับ Machine Learning
- รองรับกับเทคโนโลยี VR พร้อม Final Cut Pro VR และ Stream VR ที่สำคัญคือ Video รองรับถึง H.265
ซึ่งข่าวดีคือฟรีอัพเกรดให้เร็วๆ นี้แต่ยังคงจะต้องเป็น macbook ตั้งแต่ปี 2009 - 2010 ขึ้นไป แต่พร้อมให้นักพัฒนาลองใช่ macOS High Sierra ผ่าน beta.apple.com
นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Hardware ฝั่งคอมพิวเตอร์ Mac ใหม่ ได้แก่
- iMac ใหม่ มีการเปิดตัวโดยมีช่องเสียบ Thunder Bolt 2 ช่องแบบใหม่ล่าสุด พร้อมกับรุ่นแรก 21.5 4K มีให้เลือกการ์ดจอหลายแบบตั้งแต่ Onboard ไปจนถึง Redeon 560 ในขนาด 21.5 นิ้ว และ Redeon 580 รุ่นล่าสุดที่เล่น VR ได้สบาย แต่รูปร่าง เหมือนเดิม ส่วนราคาตนั้นเริ่มต้นที่ $1099 แพงสุด $1799
- Macbook รุ่นใหม่ มีการเปลี่ยนสเปคให้ทันสมัยขึ้นทั้ง CPU Intel Core รุ่นที่ 7 มีการเปลี่ยน SSD ให้เร็วสำหรับ macbook และ กราฟิกที่ดีขึ้นใน macbook pro 15 นิ้ว แต่ราคาก็ไม่ได้เปลี่ยนมาก
- iMac Pro เป็นคอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดของ mac ด้วย ตัวเครื่องสีดำ พร้อมกับใช้ Intel Xeon มีให้ 18 แกนสมอง การ์ดจอ Radeon Vega Graphics รุ่นใหม่ และออกแบบให้เครื่องระบายอากาศได้รวดเร็ว และมี RAM 4TB HDD - 3TB SSDราคาทั้งหมดเริ่มต้นที่ $4999 เริ่มขายในเดือนธันวาคมนี้
iOS
มีการแนะนำระบบ iOS 11 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด โดยมีลูกเล่นและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ดังนี้
- Massage ที่สามารถเชื่อมต่อกับ iCloud สามารถส่งไปแสดงผลที่อีกอุปกรณ์ได้แบบไร้รอยต่อ รวมถึงส่ง Gift Card ให้เพื่อนได้ และมีสติ๊กเกอร์ พร้อมกับส่งเงินผ่าน Apple Pay ได้
- Apple Pay นอกจากจ่ายเงินผ่านบัตรได้แล้วยังสามารถโอนเงินและรับเงินได้ ด้วย, แต่ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยให้ รองรับได้หลากหลายประเทศ
- Siri Voice ที่รองรับหลากหลายภาษามากขึ้นและทำแบบออฟไลน์ได้ด้วย และยังมีการเชื่อมต่อกับช่องทางที่หลากหลายมากขึ้น แถมยังสามารถทำงานได้หลายอุปกรณ์พร้อมกัน
- Camera แม้ว่า iPhone 7 จะมีกล้องที่ยอดเยี่ยมแล้ว แต่จะมีการถ่ายวีดีโอได้ถึง HEVC ซึ่งมีวีดีโอที่ไดขึ้น และมี HEIC สำหรับการถ่ายภาพ Portait Mode มีการเพิ่มโหมดต่างๆ มากมายในตัวนี้
- Photos มีการเพิ่ม Portail Mobile และสามารถสั่งตัด เลือกรูปและ เลือกภาพนิ่งจาก Live Photos มา Save เองได้ด้วย และแก่ไขภาพแบบ ให้ภาพน้ำตกเรียบ ๆ เป็นสวยงามแบบเหมือนกับถ่ายด้วยถ่ายภาพแล้วใช้ขาตั้งกล้อง
- Control Center มีการปรับเปลี่ยน Control Center ใหม่ ทีมีหน้าตาเป็นแบบ Widget มากขึน สามารถกดขยายให้ใหญ่เพื่อควบคุม ผ่านการสั่งงาน 3D Touch
- Navigation เพิ่มประเทศให้สามารถนำทางได้อีกแต่ก็ยังไม่รองรับประเทศไทย พร้อมกับบอกเรื่องกฏหมายความเร็ว และช่องทางการจราจร และมีโหมดห้ามรบกวนระหว่างขับรถอีกด้วย
- Home Kit สามารถเปิดเพลงได้พร้อมกันหลายห้อง โดยจะเป็นการทำทำงานร่วมกับ AirPlay 2 พร้อมกับแชร์ Playlist ให้ทำงานได้หลกาหลายห้อง
- Apple Music สามารถตามเพื่อนและดู Playlist ที่เพื่อนเราฟังอยู่ได้ ซึ่งเราสามารถดูรสนิยมการฟังเพลงของเพื่อนคุณได้
- Apps Store เพิ่มในเรื่องฟีเจอร์ใหม่ๆ ส่วนใหญ่เน้นเรื่องความปลอดภัยและการ Review Apps ให้กับ User ในการตัดสินใจก่อนจะโหลดได้ แถมรองรับกับ iOS ใหม่ด้วย พร้อมกับการปรับหน้าตารวมถึง Logo ที่มีหน้าตาแบบใหม่ Tab ใหม่ขึ้นในหน้า Discover จะแสดงข้อมูลขึ้นมาที่คุณสนใจแบ่งเมนูเพิ่มได้แก่ Game ทีทั้งราคาพร้อมกับประเภทและราคาชัดเจน
- Machine Learning เป็นการแนะนำทำให้เครื่องนั้นประมวลผลได้รวดเร็วฉลาดขึ้น รวมถึงการจัดการเทคโนโลยีได้ดีขึ้น
- AR เป็นการพัฒนาให้สามารถถ่ายภาพได้เสมือนจริง ซึ่งคุณสามารถเอาของไปวางได้ เหมาะกับคนที่ต้องการจัดโต๊ะหรือวางของเพื่อจำลองก่อนลงมือจัดจริงได้ แถมยังทำงานได้เร็ว ผลการทำงานทั้งกล้อง, CPU และ Motion Sensor รวมไปถึงตอนนี้มีการนำไปใช้ทั้ง Pokemon Go, Lego แล้ว
iPad
เปิดตัวใหม่ iPad Pro 10.5 นื้ว น้ำหนัก 1 ปอนด์ พร้อมกับหน้าจอพิมพ์ได้แบบ Full Size และให้ Smart Keyboard เหมือนเดิม เพิ่มเรื่องอขหน้าจอแบบ Pro Motion Refresh Rate สูงสุดที่ 120Hz มีผลทำให้การตอบสนองกับ Apple Pencil เร็วขึ้น
มีแหล่งพลังงานเป็น A10X มี 6 แกนสมอง แบ่งเป็น 3 แบบเร็วและแบบประหยัดไฟ และ 2 Core CPU ทำให้เครื่องเร็วขึ้น 30% และกราฟิกประมวลผลเร็วขึ้น 40% ทำให้สามารถรันโปรแกรมหนักๆ รวมถึงโปรแกรมแต่งภาพชั้นสูงได้สบาย
สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องกว่า 10 ชั่วโมง และกล้องหลังนำมาจาก iPhone 7 มี OIS และกล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล พร้อมกันสั่น ส่วนอุปกรณ์เสริมมาครบ แถมด้วยที่ชาร์จ USB-C รงอรับ Fast Charge ตัวเลือกความจำเริ่มต้นที่ 64GB ที่ $649 ใหญ่สุดที่ 512GB เริ่มส่งพร้อมส่งในเร็วๆ นี้
HomePod + iTunes + Apple Music + Siri
ลำโพงบ้านของ apple ที่ลือกันมาก่อนหน้าก็ถือเป็นจริง โดยมันมีชื่อว่า HomePod มีลำโพง 7 ดอก พร้อมกับ Sub-woofer แถม Apple A8 เป็นหน่วยประมวลผล แม้ว่าจะมีขนาดเล็กแต่ให้พลังเสียงหน้ามาก แบบ Full Mix หรือจะเฉพาะตรงกลางหรือให้สะท้อนได้เช่นกัน
นอกจากนี้ เจ้า HomePod ก็สามารถเชื่อมต่อกับ Apple Music ได้ พร้อมกับมีไมโครโฟน 6 ด้าน รองรับการทำงานกับ Siri เพื่อสั่งงานต่างๆ เช่น ให้อ่านข่าว คำนวณ อ่านข้อความ ตั้งปลุก บอกข้อมูบการจราจร ฯลฯ ส่วนราคาของเจ้านี่ก็อยู่ที่ $349 ดอลล่าร์ แต่จะเริ่มขายเฉพาะ ออสเตรเลีย อังกฤษ และ สหรัฐอเมริกาในช่วงเดือนธันวาคมนี้
WWDC 2017 - APPOCALYPSE - Apple