ปัจจุบันมีการสอบวัดระดับภาษาที่หลากหลาย เช่น TOEIC, TOEFL ฯลฯ ซึ่งก็มีจุดประสงค์การสอบที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการสมัครงาน การเพิ่มฐานเงินเดือนให้กับตนเอง หรือการเรียนต่อ เป็นต้น วันนี้เราจะมาแนะนำการสอบ IELTS ซึ่งบอกเลยว่าสำคัญต่อผู้ที่สนใจเรียนต่อเป็นอย่างมาก
IELTS คืออะไร
ข้อสอบ
IELTS (International English Language Testing System) เป็นข้อสอบเกี่ยวกับความสามารถทางภาษาอังกฤษ สำหรับผู้สมัครที่ต้องการเรียนต่อหรือเข้าทำงาน
ลักษณะข้อสอบ IELTS แบ่งเป็น 4 ทักษะ ได้แก่ การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน โดยมีการแยกคะแนนในแต่ละทักษะอย่างชัดเจน และในแต่ละทักษะจะใช้เกณฑ์การวัด คือการแบ่งออกเป็น 9 ระดับ เช่น นาย ก สอบทักษะการฟังได้ระดับที่ 9.0 และทักษะการพูดได้ระดับที่ 8.5 เป็นต้น (มีการนับครึ่งคะแนนด้วย) การสอบจะแบ่งเป็น 2 ช่วง โดยการสอบทักษะการฟัง การอ่าน และการเขียนจะต้องสอบในวันเดียวกัน และไม่มีการหยุดพักระหว่างสอบ และการสอบการพูดเราสามารถเลือกที่จะสอบในวันเดียวกัน หรือเลือกสอบในวันอาทิตย์หรือวันจันทร์ในสัปดาห์เดียวกันได้
ปัจจุบัน สามารถสมัครสอบ IELT กับทาง idp หรือ British Council ก็ได้ เพราะมีมาตรฐานเดียวกัน
ลักษณะข้อสอบ
1. การฟัง (Listening) มีเวลา 30 นาที โดยเป็นการฟังจาก CD ในรูปแบบของการสนทนา บทพูด และการออกเสียง โดยผู้สอบจะได้ฟังเพียงรอบเดียวเท่านั้น
2. การอ่าน (Reading) มีเวลา 60 นาที การอ่านจะมีทั้งหมด 3 บทความ และคำถามอีก 40 ข้อ โดยเนื้อหาจะเป็นเรื่องทั่วไป เช่น บทความในนิตยาสาร งานวิจัย หนังสือพิมพ์ ข่าวสถานการณ์ต่างๆ (ลักษณะข้อสอบจะเป็นการเติมคำในช่องว่าง, เลือกถูกผิด, multiple choice เป็นต้น)
3. การเขียน (Writing) มีเวลา 60 นาที การเขียน แบ่งเป็น
- การเขียนอธิบายข้อมูล อาจจะเป็นกราฟ ตาราง หรือแผนผัง โดยต้องเขียนอย่างน้อย 150 คำ
- การเขียนเรียงความหรือรายงาน ลักษณะการเขียนจะเป็นการแสดงความคิดเห็น การวิพากษ์วิจารณ์ และการหาทางออก ต้องเขียนอย่างน้อย 250 คำ
4. การพูด (Speaking) มีเวลา 11-14 นาที แบ่งเป็น 3 ส่วน
- การพูดคุยเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน. (เริ่มต้นจากการแนะนำตัว)
- กรรมการจะมีบัตรคำถามให้เรา และเรามีเวลาในการเตรียมตัวก่อนพูด 1 นาที โดยเราต้องพูดคนเดียวประมาณ 3-4 นาที
- การพูดโต้ตอบกันในหัวข้อจากส่วนที่สอง
**การประกาศผลคะแนน จะนับ 13 วันนับตั้งแต่วันที่สอบ หลังเวลา 13.00 น. **
ประเภทการสอบ IELTS
IELTS on Computer : 7,500 บาท
IELTS Academic หรือ General Training : 6,900 บาท สำหรับผู้ที่สนใจเรียนต่อปริญญาตรีขึ้นไปในสหราชอาณาจักร เพื่อวัดว่าทักษะ ความสามารถทางภาษาอังกฤษของเราเพียงพอที่จะใช้ศึกษาต่อหรือไม่
IELTS for UKVI : 9,009 บาท สำหรับยื่นใบสมัครขอวีซ่าเพื่อย้ายไปอยู่ประเทศอังกฤษ
IELTS Life Skills A1 และ B1 : 6,757 บาท
คะแนน IELTS ใช้สำหรับอะไรได้บ้าง
ปัจจุบันคะแนน IELTS เป็นที่ยอมรับสำหรับใช้สมัครงานกับบริษัทมากกว่า 10,000 แห่งทั่วโลก (เน้นไปทางบริษัทข้ามชาติที่มาจากยุโรป) ที่สำคัญ IELTS ใช้สำหรับศึกษาต่อในประเทศฝั่งยุโรป เช่น อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ หรือออสเตรเลีย โดยเกณฑ์การยื่นคะแนน IELTS นั้นยังไม่ได้มีการกำหนดเกณฑ์ที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับการกำหนดจากมหาวิทยาลัย หรือบริษัทนั้นๆ เป็นคนกำหนด
คะแนน IELTS ที่ถือว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐาน เกณฑ์คือ 5.5 หรือ 6.5 ขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับสถานศึกษาหรือแต่ละบริษัท)
มหาวิทยาลัยภาคอินเตอร์ในประเทศไทยหลายแห่งก็มีการใช้คะแนน IELTS เป็นมาตรฐานสำหรับการเข้าเรียนเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น มหาวิทยาลัยมหิดลอินเตอร์ (MUIC), มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นต้น
คะแนน IELTS ถือว่าเป็นคะแนนที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสำหรับผู้สอบว่ามีความสามารถทางภาษาอังกฤษจริงๆ เพราะผู้เข้าสอบต้องใช้ทักษะด้านภาษาอังกฤษครบทุกด้าน และมีการลงลึกมากกว่าการสอบ TOEIC เรียกได้ว่าหาก Grammar หรือคำศัพท์ผิด คะแนนก็ลดไปเกือบหมดเลย และมหาวิทยาลัยในไทยเองก็มีการเลือกสอบ IELTS เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่สนใจทดสอบทักษะภาษาอังกฤษของตนเอง และผู้ที่ต้องการเรียนต่อหรือสมัครงานเช่นกัน
อ้างอิงจาก
https://www.chulatutor.com/ielts/
https://www.chulatutor.com/blog/ielts/
https://online.chulatutor.com/p/ielts-idp-vs-ielts-british-council