"ความรู้ไม่มีที่สิ้นสุด" ยิ่งเรารู้มากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นประโยชน์กับตัวเรามากเท่านั้น โดยเฉพาะการรู้หลายๆ ภาษา และสำหรับใครที่มีความรู้ภาษาอังกฤษที่ดีอยู่แล้ว แต่คิดอยากจะเริ่มเรียนภาษาที่ 3 เพราะการที่เรารู้หลายๆ ภาษา เราจะได้เปรียบคนอื่นๆ อย่างแน่นอน วันนี้พี่มีข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับการเรียนภาษา เพื่อเลือกเรียนภาษาที่ต่อยอดจากภาษาอังกฤษได้ง่ายที่สุด โดยพี่จะขอแนะนำ
5 ภาษา เรามาลองดูกันว่าจะมีภาษาไหนที่น่าสนใจบ้าง
1.ภาษาฝรั่งเศส
ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส มีการใช้คำร่วมกันกว่า 8,000 คำ ซึ่งถือว่ามีความใกล้เคียงกันมากที่สุดในตระกูลภาษา Romance อื่นๆ ถึงแม้การเรียนภาษาฝรั่งเศสขั้นสูงจะเป็นเรื่องจาก แต่ถ้าเอาให้พอสื่อสารได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องง่ายพอสมควรสำหรับคนพูดอังกฤษเป็น
2.ภาษาสเปน
หลายๆ คำในภาษาสเปน จะเขียนเหมือนกับการอ่านออกเสียง ทำให้การเริ่มเรียนนั้นเป็นลักษณะทางตรงไม่ยุ่งยาก ที่สำคัญการออกเสียงเมื่อเทียบกับภาษาอังกฤษแล้วยังค่อนข้างง่าย ถึงแม้จะมีบางตัวอักษรที่ยากซักหน่อย และนอกจากนี้ภาษาสเปนยังมีกฎเกณฑ์น้อยที่สุดในกลุ่ม Romance อีกด้วย
3.ภาษาดัตช์
สำหรับภาษานี้ถูกจัดอยู่ในตระกูล West Germanic เช่นเดียวกันกับอังกฤษ โดยมีคำที่ใกล้เคียงกับอังกฤษหลายคำเช่น groen (green) หรือ de oude man (the old man) เป็นต้น นอกจากนี้ภาษาดัตช์ยังออกเสียงรูปแบบความหนักเบาตามอังกฤษอีกด้วย หลายๆ ที่จึงยกให้เป็นภาษาที่เรียนง่ายที่สุดสำหรับคนอังกฤษ
4.ภาษาโปรตุกีส
ตัวอย่างของการออกเสียงที่คล้ายกับภาษาอังกฤษได้แก่ การเพิ่มระดับของเสียงสูงต่ำที่ทำให้ความหมายเปลี่ยน เช่น We’re leaving now พอออกเสียงสูงก็จะกลายเป็น We’re leaving now? แต่ถึงแม้การออกเสียงจะไม่ง่ายนักในตอนแรก แต่จังหวะของการพูดก็ไม่ยากเกินไปที่คนอังกฤษจะได้ทำความเข้าใจ
5.ภาษาอิตาเลียน
ว่ากันว่าเป็นภาษาที่โรแมนติคที่สุดในกลุ่มตระกูล Romance ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาละติน เช่นเดียวกันกับภาษาสเปน อิตาลีนั้นสามารถอ่านได้หากเข้าใจภาษาอังกฤษ และมีตัวอักษรเพียง 21 ตัว ซึ่งอาจจะทำความเข้าใจง่ายกว่า นอกจากนี้สำเนียงที่เป็นเอกลักษณ์ เหมือนกำลังร้องเพลง อาจจะทำให้หลายคนสนุกจนไม่เบื่อในการเรียน
สำหรับใครที่เก่งภาษาอังกฤษอยู่แล้ว และอยากต่อยอดความเก่งของตัวเอง มาเรียนภาษาที่ 3 จากภาษา 5 ภาษาที่พี่แนะนำไป อาจจะดูยากไปหน่อย แต่รับรองน้องๆ จะต้องสนุกกับการเรียนภาษาเหล่านี้อย่างแน่นอน ถ้าเรารู้หลายๆ ภาษา แน่นอนมันจะมีแต่คนต้องการเราไปร่วมงานด้วย และโอกาสงานของเราก็จะเปิดกว้างมากขึ้น ไม่มีใครนิยามคำว่า"เก่ง"ได้ดีกว่าตัวของเราเอง