Steve Jobs หรือ สตีเฟน พอล จอบส์ (Steven Paul Jobs) อัจฉริยะผู้พลิกโลกแห่งวงการไอที เป็นผู้นำธุรกิจและนักประดิษฐ์ชาวอเมริกันที่สร้างนวัตกรรมใหม่ด้วยความคิดสร้างสรรค์
เขาเป็นทั้งสุดยอด CEO และผู้สรรสร้างเทคโนโลยีจากกแบรนด์ Apple ซึ่งแม้ในวันนี้เขาจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่สิ่งที่เขาสร้างยังคงอยู่และเปลี่ยนแปลงโลกไอทีไปตลอดกาล
ก่อนมาเป็นสุดยอดพ่อมดไอทีที่ชื่อ "สตีฟ จอบส์"
Steve Paul Jobsนั้น ไม่ได้มีเส้นทางชีวิตที่สวยงามตั้งแต่แรก เพราะพ่อและแม่ทิ้งเขาไว้ให้แก่พ่อแม่บุญธรรมตั้งแต่เกิด เขาเติบโตมาในพื้นที่ที่เป็นแหล่งอุตสาหกรรมซอร์ฟแวร์ชั้นนำของโลก พ่อบุญธรรมของเขาทำงานเป็นช่างเครื่องในบริษัทแห่งหนึ่ง มีร้านเล็กๆ สำหรับซ่อมอุปกรณ์ต่างๆ
เพื่อนบ้านของเขาเป็นวิศวกรบริษัท HP ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอิเล็กทรอนิกส์ คอยให้ความรู้เกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์แก่เขามากมาย ถือได้ว่าสภาพแวดล้อม การเลี้ยงดูของครอบครัว และความอัจฉริยะของเขาทำให้เขาได้คลุกคลีกับโลกไอทีอย่างเต็มตัว
สมัยเรียนมัธยมปลาย สตีฟ จอบส์ได้ใช้ความสามารถตัวเองในการฝึกงานในบริษัท HP และหลังจากจบมัธยมปลาย เขาศึกษาต่อที่ Reed College ได้เพียง6เดือน เขาก็เลือกเรียนวิชาที่เขาชอบเพียงวิชาเดียวเท่านั้น นั้นก็คือ วิชาการประดิษฐ์ตัวอักษร
จากนวัตกรรมแรก สู่ Apple
Bluebox กล่องอุปกรณ์สุดเจ๋ง สตีฟ จอบส์ และ สตีฟ วอซเนียก ที่ทำให้สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้ฟรีทั่วโลก เครื่อง Bluebox ส่งสัญญาณความถี่ในสมัยที่โทรศัพท์ยังไม่ได้ปรับเป็นระบบดิจิทัล ธุรกิจนี้ทำให้เขาได้กำไรมากถึง 6,000 ดอลลาร์โดยไม่ถูกจับกุม ซึ่งจอบส์เคยให้สัมภาษณ์ครั้งหนึ่งว่า หากพวกเขาไม่ได้ทำธุรกิจ Bluebox ก็คงไม่เกิด Apple ในวันนี้ เพราะพวกเขาได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากธุรกิจ
สตีฟ จอบส์ ในวัย 21ปี และสตีฟ วอซเนียก ได้เริ่มก่อตั้งบริษัท Apple โดยใช้โรงจอดรถของพ่อบุญธรรมในการผลิตคอมพิวเตอร์ที่ชื่อว่า Apple I และตอกน้ำความสำเร็จโดยการผลิต Apple II ในปีต่อมา แน่นอนว่าทั้งสองมียอดขายอย่างถล่มทลาย
ในปี 1980 บริษัทก็ได้เข้าสู่การเป็นบริษัทมหาชน โดยมีการเปิดขายหุ้นให้กับบุคคลทั่วไป ทำให้บริษัทมีมูลค่ากระโดดขึ้น 32เปอร์เซ็นต์ในวันแรก ทำให้สตีฟ จอบส์และ สตีฟ วอซเนียก กลายเป็นมหาเศรษฐีชั่วข้ามคืน
และนี่คือสิ่งที่ สตีฟ จ็อบส์ คิดและปรับปรุงต่อยอดทำจนกลายเป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีของทั้งโลกได้จนถึงทุกวันนี้
Macintosh (1984)
พัฒนาคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ ที่ทุกคนสามารถใช้งานได้ง่าย ไม่ต้องเรียนรู้มาก แต่รุ่นแรกดันขาดสิ่งที่ควรมีอย่างเช่น ฮาร์ดดิสก์ ทำให้ต้องใช้แผ่นฟลอปปี้ดิสก์เพื่อใช้งานตลอดเวลา แถมยังมีราคาสูงมาก ส่งผลให้ยอดขายไม่เป็นตามที่หวังไว้
Pixar (1986)
สตีฟ จ็อบส์ ร่วมกับ Pixar ผลักดันการสร้างหนังแอนิเมชั่น 3 มิติ และมี Toy Story เป็นการ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่องแรกของโลกที่สร้างจากคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จและเป็นสิ่งสร้างชื่อให้ Pixar มาจนถึงทุกวันนี้
iMac (1998)
ปี 1998 มีการเปิดตัว iMac รุ่นแรก ที่มาพร้อมดีไซน์ทันสมัย จ็อบส์ร่วมกับจอนนี่ ไอฟ์ ดีไซเนอร์หนุ่มจากอังกฤษ จัดการเปลี่ยนโฉมคอมพิวเตอร์ที่มีแต่สีขาวดำเดิมๆ ให้มีสีสันสดใสหลากหลายสี และมีสีใสที่มองเห็นข้างในตัวเครื่องด้วย
iPod (2001)
หมดยุคการฟังเพลงผ่านเทปคาสเซ็ทและซีดี เพราะสตีฟ จ็อบส์ได้เปลี่ยนการฟังเพลงมาสู่การฟังเพลงใน iPod ที่มีเก็บเพลงได้ถึง 1,000 เพลง แต่ปัจจุบันนี้ได้ปิดตำนาน หยุดการผลิตไปเรียบร้อย
iTunes Store (2003)
พลิกตลาดการฟังจากเทป เว้บไซต์เถื่อน หรือเครื่องเล่นเพลง มาสู่ตลาดออนไลน์ได้อย่างถูกต้อง แบบไม่ต้องไปโหลดเถื่อนแล้ว
iPhone และ App (2007)
ผลงานชิ้นโบว์แดงที่เปลี่ยนประสบการณ์การใช้โทรศัพท์ของผู้คนครั้งใหญ่ จากปุ่มกดสู่หน้าจอแบบทัชสกรีน และเป็นจุดเริ่มให้มือถือค่ายอื่นๆ ต้องทำตาม นอกจากนี้ยังมี App Store ที่เปลี่ยนมือถือธรรมดาให้กลายเป็นสมาร์ทโฟน ใช้ทำกิจกรรมต่างๆ ครอบจักรวาลชีวิตคนเราตั้งแต่ตื่นนอนจนหลับไปเลย
iPad (2009)
จุดเปลี่ยนของแท็บเล็ตยุคใหม่ ทำให้การดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมหรือแม้แต่การทำงาน และไม่จำกัดอยู่แค่หน้าจอคอมพิวเตอร์
การออกจากบริษัท Apple และวาระสุดท้ายของชายผู้เป็นตำนาน
ต้นปี 1985 เกิดความตึงเครียดภายในบริษัท และปัญหาขัดแย้งเรื่องอำนาจภายในบริษัท จอบส์ถูกคณะกรรมการบริหารของแอปเปิลถอดออกจากภารกิจต่างๆ ที่เขาเป็นผู้รับผิดชอบ และได้ลาออกในที่สุด และแม้สุดท้ายเขาจะจากโลกนี้ไปด้วยโรคมะเร็งตับอ่อน ในวัย 56 ปี แต่นวัตกรรมและแรงบันดาลใจที่เขาสร้างทิ้งไว้ให้กับโลกคือความจริงที่จะคงอยู่คู่ชื่อเขาไปตลอดกาล
สตีฟ จอบส์ จะยังคงเป็นที่จดจำในฐานะเจ้าพ่อบริษัท แอปเปิล และนวัตกรผู้พลิกโลก ด้วยความคิดแตกต่างจากคนอื่น ตรงที่เขาเลือกมองสิ่งที่คนอื่นมองข้าม เขายังเชื่อมั่นในพลังแห่งการสร้างสรรค์ของมนุษย์ ที่จะเนรมิตสิ่งประดิษฐ์ ซึ่งไม่เพียงช่วยพัฒนาชีวิต แต่ยังเปลี่ยนแปลงโลกนี้ไปจากเดิม
ที่มา :
www.apple.com
www.mangozero.com
www.sbs.com.au
www.blueoclock.com