ช่วงหลายปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ากระแส
Startup และ
Sharing Economy รวมทั้งการทำงานแบบ On-demand กำลังเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานและทำเงินของผู้คนในยุคอินเทอร์เน็ต อีกทั้งยังเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้เชี่ยวชาญให้สามารถเป็นนายตัวเองทำงานจากที่บ้าน หรือออกไปรับงานจากผู้ว่าจ้างได้ โดยมีสื่อกลางอย่าง
"แอปพลิเคชัน" เป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งตั้งแต่ปี 2010 ธุรกิจประเภท On-demand มีเงินลงทุนกว่า 94 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และธุรกิจเหล่านี้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา
และนี่คือ
7 บริษัทที่น่าจับตาและกำลังจะก้าวมาเป็นผู้นำธุรกิจบริการ On-demand หรือ
Sharing Economy ในอีก 10 ปีข้างหน้า มาดูกันว่าบริษัทเหล่านี้จะเป็นใครกันบ้าง แล้ว พวกเขามีบริการอะไรที่สามารถเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมได้ และเราจะสามารถเลือกศึกษารูปแบบไหนมาเป็นโมเดลเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์เราได้บ้าง ตามมาดูเลย
Amazon
อย่างที่เราทราบกันดีว่า Amazon เป็นองค์กรระดับโลกในธุรกิจ E-commerce และในตอนนี้ได้เริ่มให้บริการส่งสินค้ากับผู้คนในท้องถิ่นที่มีชื่อว่า Amazon Prime Now โดยเป็นบริการส่งของภายใน 1 ชั่วโมง และในเว็บไซต์ Amazon Flex ได้เปิดรับสมัครพนักงานส่งของ โดยให้รายได้ประมาณ 18 – 25 เหรียญต่อชั่วโมงในการส่งสินค้าให้กับ Amazon ถือเป็นการเพิ่มเทคนิคการบริการต่างๆ ออกมาเพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณผู้คนที่ใช้ช่องทางของ Amazon ในการทำธุรกิจและดูเหมือนจะให้ผลตอบรับที่ดีอย่างมากกับชื่อเสียงของเว็บไซต์
Uber
แม้ช่วงนี้จะเผชิญกับปัญหาภายในและข่าวต่างๆ มากมาย แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Uber คือ Trech-Startup ที่ประสบความสำเร็จระดับโลกอย่างแท้จริง Uber คือธุรกิจที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมขนส่งแบบดั้งเดิมไปสู่อุตสาหกรรมการขนส่งแบบ On-demand อย่างสิ้นเชิง
เพราะ Uber เป็นตัวอย่างของธุรกิจแบบ Sharing Economy ที่แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าผู้บริโภคจะสามารถช่วยเหลือผู้บริโภคด้วยกันเองได้อย่างไร โดยมีแอพทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างคนทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งความสำเร็จของ Uber นั้น มาจากคุณค่าของธุรกิจที่ช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้คนดีขึ้นด้วยการให้บริการขนส่งแบบ On-demand ในราคาถูกกว่าและให้ประสบการณ์ที่ดีกว่า พร้อมการใช้แคมเปญโฆษณาที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ว่า Uber เป็นธุรกิจที่มีรายได้เสริมน่าพอใจถึงขั้นสามารถทำเป็นอาชีพหลักได้เลย
Lyft
หากใครเคยได้ยินหรือรู้จัก อาจจะคิดว่า Lyft นั้น มีสถานะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Uber ซึ่งให้บริการธุรกิจรูปแบบเดียวกัน คือ Taxi แบบ On-demand แม้ว่า Lyft จะมีมูลค่าเพียง 5.5 ล้านเหรียญเมื่อเทียบกับ Uber ที่มีมูลค่า 62.5 พันล้านเหรียญ แต่ Lyft ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของธุรกิจโดยการเป็นพาร์ทเนอร์กับ GM โดยสัญญาณการลงทุนบ่งบอกว่าในอนาคต คนขับอาจต้องได้เรียกรถยนต์ไร้คนขับผ่านแอพมากกว่าที่จะมีรถเป็นของตัวเอง และการที่ธุรกิจเป็นพาร์ทเนอร์กับ GM นั้น ทำให้ Lyft มีโอกาสที่จะเข้าถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจนั้นเติบโตต่อไปได้ในระยะยาว
LeadGenius
LeadGenius เป็นธุรกิจช่วยวิเคราะห์ธุรกิจ On-demand ที่ผสมผสานระหว่าทีมนักวิจัยกับเทคนิคการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning) เพื่อช่วยให้ธุรกิจขยายฐาน ว่าที่ลูกค้า หรือ ผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมธุรกิจ (Lead Generation) โดย LeadGenius มีทีมนักวิจัยจาก 40 ประเทศ ที่จะมาช่วยวิเคราะห์และคัดกรองข้อมูลของว่าที่ลูกค้าที่มีคุณภาพ ซึ่งจะถูกรวบรวมโดยใช้เทคโนโลยีอันทันสมัย เพื่อทำให้องค์กรธุรกิจนั้นๆ มั่นใจได้ว่าพวกเขาจะได้รับข้อมูลที่เกี่ยวข้องและมีคุณภาพสูงที่สุด
ซึ่งกระบวนการดังกล่าวนี้ ทำให้ LeadGenius สามารถแซงหน้าคู่แข่งที่ใช้แค่ Software เป็นตัวดำเนินการธุรกิจเพียงอย่างเดียว และ LeadGenius คือหนึ่งในบริษัทที่มีการเติบโตเร็วที่สุดเพื่อซัพพอร์ต Good Work Code ธุรกิจของ National Domestic Workers Alliance (NDWA) หรือ เครือข่ายพันธมิตรแรงงานในบ้านแห่งชาติ
Instacart
ใครที่รักการช็อปปิ้งหรือจ่ายตลาดเป็นชีวิตจิตใจและอยากมีรายได้ในขณะที่จ่าย(ตลาด)ไปด้วย จะต้องร้องว้าวกับแอพฯ Instacart หรือ บริการจ้างไปจ่ายตลาด โดยแอพฯ นี้จะรวบรวมนักช็อปในท้องถิ่นที่ให้บริการเพื่อไปซื้อและส่งจากร้านค้าต่างๆ ให้กับลูกค้า แม้ว่านักช็อปส่วนใหญ่จะเป็นผู้รับจ้างอิสระ (Independent Contractor) แต่ก็มีบางพื้นที่ที่ Instacart เปิดโอกาสให้นักช็อปเหล่านั้นสามารถสมัครเป็นพนักงาน Part-time ได้ แม้ว่าธุรกิจกำลังไปได้ดี แต่ก็ยังมีคู่แข่งอย่าง Amazon Prime Now และ Walmart Groceryคอยเป็นตัวเปรียบเทียบอยู่ จึงทำให้ Instacart ต้องปรับกลยุทธ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
TaskRabbit
TaskRabbit แอพที่ช่วยให้ผู้คนในท้องถิ่นสามารถนำเสนอบริการจากความเชี่ยวชาญที่พวกเขามี เช่น ช่วยขนย้ายสิ่งของ ทำความสะอาด ประกอบเฟอร์นิเจอร์ ซ่อมบ้าน และงานช่างฝีมืออื่นๆ อีกมากมาย โดยเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2008 และกำลังขยายตัวสู่ตลาดใหม่ ซึ่งจำนวนผู้ใช้งานของ TaskRabbit มีสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุดมีผู้ใช้กว่า 1.25 ล้านคน และปัจจุบันมีผู้รับจ้างอิสระเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว อยู่ที่ 25,000 ราย
Google
เราอาจคิดว่า Google ทำแต่ธุรกิจ Search Engine (ก็รวยแล้ว) แต่แท้จริงนั้น Google มีการแบ่งย่อยธุรกิจของตัวเองออกเป็นหลายส่วนด้วยกัน โดยจะเป็นการเข้าไปมีบทบาทในอุตสาหกรรมที่สร้างนวัตกรรมต่างๆ เช่น RideWith ซึ่งเป็นธุรกิจใช้รถร่วมกัน หรือ Ride Sharing แบบ Uber และ Lyft ซึ่งปัจจุบันกำลังทดสอบการให้บริการที่ประเทศอิสราเอล และแม้ RideWith จะมีรูปแบบการทำงานคล้ายกับ Uber และ Lyft แต่ยังมีข้อแตกต่างตรงที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการนี้ได้ผ่านแพลตฟอร์มของ Waze เท่านั้น ใครก็ตามที่ต้องการใช้บริการรถเพื่อรับส่งไปยังจุดหมาย เพียงแค่เข้าไปที่กรอกข้อมูลการติดต่อไว้ จากนั้นแอพจะแสดงตำแหน่งคนขับในละแวกนั้นให้เรียกใช้บริการได้ทันที
ที่มา :
startitup.in.th
www.entrepreneur.com