นักวิชาการชี้ แนวโน้มเรือสำราญเอเชียเติบโตสูง ขอรัฐเร่งพัฒนาดึงดูดนักท่องเที่ยวเรือสำราญ
เนื่องจากปัจจุบันการท่องเที่ยวเรือสำราญเติบโตในทุกภูมิภาคโดยเฉพาะเอเชีย จึงเป็นเริ่องที่สำคัญในการศึกษาบริบทของประเทศไทยควรมีการปรับปรุงด้านใดบ้าง คณะนักวิจัยคณะการจัดการการท่องเที่ยว สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)
นำโดย ดร.ไพฑูรย์ มนต์พานทอง รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะการจัดการการท่องเที่ยว สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์และคณะ จึงได้นำเสนอผลวิจัยในเรื่อง
การศึกษาประเด็นเร่งด่วนในการพัฒนาการท่องเที่ยวเรือสำราญของประเทศไทย ที่ได้รับการสนับสนุนจากสกว.
โดยสรุป
สถานการณ์และแนวโน้มของการท่องเที่ยวเรือสำราญเติบโตขึ้น จากปี 2016 มีจำนวนนักท่องเที่ยว 19.1 ล้านคน ปี 2017 มี 25.8 ล้านคน เรือสำราญนิยมแวะพักท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือภูเก็ต และท่าเรือเกาะสมุย มีรายได้จากผู้โดยสารทั่วโลก 4,465บาท/วัน ประเทศไทย 6,174.11บาท/วัน Homeport รายได้ประมาณ 7 เท่าของ Port of call รายได้จากลูกเรือ (ประเทศไทย) 1,650 บาท/คน ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ ได้แก่ วัดพระแก้ว วัดโพธิ์ หาดป่าตอง วัดฉลอง อ่าวพังงา และการล่องเรือที่แม่น้ำเจ้าพระยา
" ธุรกิจเรือสำราญเติบโตอย่างมาก การท่องเที่ยวเรือสำราญเปลี่ยนไปจากเดิม ปัจจุบันใช้เรือขนาดใหญ่มากขึ้นทำให้ราคาถูกลง ต้องมีท่าเรือรองรับขนาดเรือและจำนวนคนที่มากับเรือ เมื่อเรือเข้ามาในเอเชียมากขึ้น แต่ละประเทศให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้น ทั้งท่าเรือ เทอร์มินัลต่างๆ เพื่อดึงดูดสายการเดินเรือ ดึงดูดคนให้เข้ามา สร้างความสุข เพิ่มรายได้เข้ามามากขึ้น กลุ่มนักท่องเที่ยวจะเป็นกลุ่มที่มีคุณภาพ ค่าใช้จ่ายต่อคนสูง "
สำหรับความจำเป็นเร่งด่วนที่ประเทศไทยควรมี ประกอบด้วย โ
ครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ความปลอดภัย การพัฒนากฎระเบียบต่างๆให้ตอบโจทย์การท่องเที่ยวเรือสำราญ รวมทั้งสินค้าบริการที่น่าสนใจจะสามารถเพิ่มรายได้ให้มากขึ้น กลุ่มนักท่องเที่ยวเรือสำราญปัจจุบันเป็นกลุ่มเอเชียมากขึ้น ซึ่งเข้ามาเป็นลักษณะครอบครัว ส่งผลต่อจุดหมายปลายทางการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เช่น เวียดนาม ฮ่องกง จีน เกาหลี ญี่ปุ่น เป็นต้น ซึ่งไทยอาจต้องพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อตอบโจทย์ตลาดกลุ่มนี้
ดร.ไพฑูรย์ กล่าวต่อว่า " ในส่วนของภูเก็ต ปัญหาหลักคือท่าเรือน้ำลึก ไม่สามารถรองรับเรือขนาดใหญ่ได้ แต่ปัจจุบันมีแนวโน้มว่าบริษัทเอกชนที่ประมูลจะมีการพัฒนาอินฟราสตรัคเจอร์เพื่อตอบโจทย์นี้ ปัจจุบันเรือสำราญเข้ามาภูเก็ต จะใช้ท่าเรือที่ป่าตอง แต่มีข้อจำกัดเยอะ เชื่อว่าถ้ามีการพัฒนาจุดนี้จะเป็นทางเลือกหนึ่งในการดึงดูดนักท่องเที่ยวเรือสำราญเข้ามา ส่งผลให้รายได้เข้ามาพื้นที่มากขึ้น จึงอยากให้รัฐบาลตั้งใจจริงใจในการพัฒนา หากมีการประสานเชิงเครือข่ายมากขึ้น จะมีประโยชน์ต่อการพัฒนาท่องเที่ยวเรือสำราญได้ประโยชน์กันทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ศักยภาพของท่าเรือภูเก็ต โดยเฉพาะที่ป่าตอง มีจุดแข็งคือ ท่าเรือป่าตองมีทำเลที่ตั้งที่ดี มีชื่อเสียงของแหล่งท่องเที่ยว ส่วนจุดอ่อนของท่าเรือ คือ ไม่มีอาคารผู้โดยสาร ไม่มีท่าเทียบเรือที่เป็นมาตรฐาน สิ่งอำนวยความสะดวกรองรับเรือสำราญไม่เพียงพอ การบริหารจัดการไม่เป็นระบบ ไม่ทันสมัย การจราจรบริเวณท่าเรือติดขัด ขาดการขับเคลื่อนท่องเที่ยวเรือสำราญอย่างเป็นรูปธรรม บุคลากรที่เกี่ยวข้องยังไม่มีความรู้ความเข้าใจธุรกิจเรือสำราญ มีข้อจำกัดในการใช้เรือเล็กของท้องถิ่นในการขนถ่ายผู้โดยสาร รวมทั้งความปลอดภัยในการรองรับผู้โดยสาร "
ที่มา :
www.prachachat.net
www.videoblocks.com
www.smartsme.co.th