แพทย์อินเตอร์ในไทย ห้ามพลาด! รวม 6 สถานที่เรียนที่ดีที่สุด ใครเล็งไว้รีบดูเลย! #dek68 ใครที่กำลังฝันอยากเป็นหมออินเตอร์ เรียนในไทย ได้มาตรฐานระดับโลก ได้รวม 6 สถานที่เรียนแพทย์อินเตอร์ในไทยที่ดีที่สุด มาไว้ให้แล้ว ครบทั้งหลักสูตรคุณภาพ บรรยากาศการเรียน และโอกาสต่อยอดในอนาคต ใครยังเลือกไม่ถูก มาดูกันว่ามีที่ไหนที่ตอบโจทย์ที่สุด!
1. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Chulalongkorn University)
หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตนานาชาติ CU-MEDiจากจุฬาฯ เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนแพทย์ในระดับสากล หลักสูตรนี้โดดเด่นด้วยระยะเวลาการเรียนที่กระชับ เพียง 4 ปี เมื่อเทียบกับหลักสูตรแพทย์ทั่วไปที่ต้องเรียน 6 ปี ทั้งยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ฝึกงานในต่างประเทศอีกด้วย
โครงสร้างการเรียนการสอน
- Pre-Clerkship (ปี 1-2) เรียนพื้นฐานทางการแพทย์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่การปฏิบัติ
- Clinical Clerkship (ปี 3) ฝึกปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยมีอาจารย์ทั้งชาวไทยและต่างชาติคอยดูแล
- Externship (ปี 4)ปฏิบัติงานกับโรงพยาบาลพันธมิตรในต่างประเทศ เช่น สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา
คุณสมบัติผู้สมัคร
- จบปริญญาตรี (สาขาใดก็ได้)
- คะแนนภาษาอังกฤษ เช่น IELTS ≥ 7.0 หรือ TOEFL ≥ 85
ค่าใช้จ่าย สำหรับนักศึกษาสัญชาติไทย ค่าเล่าเรียนประมาณ 604,000 บาทต่อเทอม
ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก
2. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (Thammasat University)
หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตนานาชาติ หรือ CICM จากวิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) เป็นสถาบันแรกในไทยที่เปิดหลักสูตรแพทย์อินเตอร์อย่างเป็นทางการ นอกจากนี้นักศึกษา CICM ยังมีโอกาสไปเรียนต่างประเทศในวิชาเลือกถึง 2 ครั้ง ในช่วงปีที่ 3 และ 5
โครงสร้างหลักสูตร
- ปี 1 เรียนวิชาพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์
- ปี 2-3 บูรณาการเนื้อหาด้านการแพทย์ พร้อมโอกาสศึกษาต่อในต่างประเทศครั้งแรก
- ปี 4-6 ฝึกปฏิบัติที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และเลือกวิชาที่สนใจเพื่อฝึกงานต่างประเทศครั้งที่สอง
คุณสมบัติผู้สมัคร
- จบมัธยมปลาย
- IELTS ≥ 6.5 หรือ TOEFL ≥ 79
ค่าใช้จ่าย
สำหรับนักศึกษาสัญชาติไทย ค่าเล่าเรียนประมาณ 475,000 บาทต่อเทอม
ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก
3. วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ศรีสวางควัฒน (Chulabhorn Royal Academy)
หลักสูตรที่ใช้ความร่วมมือกับ University College London (UCL) โดยนักศึกษาเรียนในไทย 6 ปีและไปศึกษาเพิ่มเติมในสหราชอาณาจักรอีก 1 ปี รวมระยะ เวลา 7 ปี หลังจบการศึกษาจะได้รับปริญญา 2 ใบ ได้แก่ ปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต (iBSc) จาก UCL และแพทยศาสตรบัณฑิตจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
คุณสมบัติผู้สมัคร:
- จบมัธยมปลาย
- IELTS ≥ 7.0 หรือ TOEFL ≥ 100
ค่าใช้จ่าย สำหรับนักศึกษาสัญชาติไทย ค่าเล่าเรียนประมาณ 120,000-160,000 บาทต่อเทอม
ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก
4. มหาวิทยาลัยมหิดล (Mahidol University)
หลักสูตรผสานระหว่างแพทยศาสตรบัณฑิต (พ.บ.) และวิศวกรรมชีวการแพทย์ (วศ.ม.) ใช้เวลาเรียนทั้งสิ้น 7 ปี โดยเน้นผลิตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการแพทย์ พร้อมรับปริญญา 2 ใบ หลังจบการศึกษา
โครงสร้างหลักสูตร
- ปี 1: เรียนวิชาพื้นฐานที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา
- ปี 2-3: ศึกษาที่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์
- ปี 4: เรียนด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์
- ปี 5-7: ฝึกปฏิบัติในโรงพยาบาลรามาธิบดี
คุณสมบัติผู้สมัคร
- จบมัธยมปลาย GPAX ≥ 3.5
- IELTS ≥ 6.5
ค่าใช้จ่าย
สำหรับนักศึกษาสัญชาติไทย ค่าเล่าเรียนประมาณ 200,000 บาทต่อเทอม
ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก
5. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (Srinakharinwirot University)
หลักสูตรแพทย์อินเตอร์จาก มศว เป็นความร่วมมือกับ University of Nottingham ในสหราชอาณาจักร ผู้เรียนจะได้รับปริญญา 2 ใบ คือ Bachelor Degree of Medical Sciences จาก Nottingham และแพทยศาสตรบัณฑิตจาก มศว
โครงสร้างหลักสูตร
- ปี 1-3: เรียนที่ University of Nottingham ในสหราชอาณาจักร
- ปี 4-6: ศึกษาต่อในระดับคลินิกที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
คุณสมบัติผู้สมัคร
- เกรดเฉลี่ยวิทยาศาสตร์ ≥ 3.0
- IELTS ≥ 7.0 (แต่ละพาร์ต ≥ 6.5)
ค่าใช้จ่าย
สำหรับนักศึกษาสัญชาติไทย ค่าเล่าเรียนประมาณ 300,000 บาทต่อเทอม
ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก
6. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL)
หลักสูตรแพทย์อินเตอร์จากลาดกระบัง เน้นบูรณาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ โดยในปีสุดท้าย นักศึกษาสามารถเลือกเรียนเฉพาะทางที่สนใจ
โครงสร้างหลักสูตร
- ปี 1-3: ปูพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และการวินิจฉัยโรค
- ปี 4-6: ฝึกปฏิบัติและเลือกเรียนเฉพาะทาง
คุณสมบัติผู้สมัคร
- จบมัธยมปลาย GED ≥ 165
- IELTS ≥ 7.0
ค่าใช้จ่าย
สำหรับนักศึกษาสัญชาติไทย ค่าเล่าเรียนประมาณ 495,000 บาทต่อเทอม
ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก
แต่ละหลักสูตรแพทย์อินเตอร์ในไทยมีความแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเรียนจบไว ได้บินไปฝึกงานถึงต่างปนะเทศ หรือมีปริญญา 2 ใบ บอกเลยว่าทุกที่ตอบโจทย์คนที่อยากเป็นหมอแบบสายอินเตอร์ สำคัญคือ ลองเลือกที่เหมาะกับตัวเองที่สุด ทั้งในเรื่องหลักสูตร ความชอบ และเป้าหมายในอนาคต ฝันอยากเป็นหมอไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม ถ้าวางแผนดี ๆ รับรองว่าสายนี้รุ่งแน่นอน! ใครเล็งที่ไหนไว้แล้ว เตรียมตัวให้พร้อม แล้วลุยเลย!