"หนึ่งในความฝันที่เด็กไทยหลายๆ คนใฝ่ฝันว่าหากจบ ม.6 แล้ว อยากจะไปเรียนต่อเมืองนอก" เช่นเรียนที่ประเทศอังกฤษ หนึ่งในประเทศอันดับต้นๆ ที่ใครๆ ก็ฝันอยากจะไปเรียน เพียงแค่เรียนจบ ม.6 ด้วยเกรดดีๆ แล้วสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่ต้องการ รอผล แล้วเข้าเรียนได้เลย แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
น้องๆ รู้หรือไม่? การสมัครเข้าเรียนปริญญาตรีที่อังกฤษนั้นจะได้รับวุฒิการศึกษาที่ยอมรับหรือมีความเป็นสากล อย่างเช่น A-level ซึ่งเป็นวุฒิการศึกษาของประเทศอังกฤษ , AP (Advance Placement) วุฒิการศึกษาของสหรัฐอเมริกา หรือ IB (International Baccalaureate) วุฒิการศึกษาที่เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก แต่ปัญหาของประเทศไทยคือ วุฒิการศึกษา ม.6 นั้นไม่เป็นที่ยอมรับเกือบทุกมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ จึงทำให้เมื่อเรียนจบ ม.6 แล้ว ต่อให้เราได้เกรดดีแค่ไหนก็ยังไม่สามารถเข้าเรียนปริญญาตรีปี 1 ที่อังกฤษได้
ดังนั้น นักเรียนไทยคนไหนที่สนใจอยากจะไปเรียนต่อปริญญาตรี ที่อังกฤษจริงๆ ก็มี 2 ทางเลือกหลักๆ เรามาเรียนรู้ไปพร้อมๆกันนะครับ
1.จบ ม.6 แล้ว ไปเรียนหลักสตร A-level ที่โรงเรียนในประเทศอังกฤษ เป็นเวลา 2 ปี ซึ่งถ้าได้เกรดใน A-level และคุณสมบัติอื่นๆ ของเราดีพอ ก็จะสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ในประเทศอังกฤษได้ เช่น Oxford หรือ Cambridge ที่ใครๆหลายคนใฝ่ฝันอยากไปเรียน แต่ทั้งนี้ก็ต้องได้เรียน A-level ในโรงเรียนที่ดีพอที่มีระบบช่วยเหลือในการเข้ามหาวิทยาลัย ที่เป็นมืออาชีพและมีประสบการณ์ส้งเด็กเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยดีๆ มาแล้วมากมาย แต่วิธีนี้ก็มีข้อเสียตรงที่ใช้เวลาเรียนนานถึง 2 ปี
2.จบ ม.6 แล้วไปเรียนต่อหลักสูตร International Foundation ในโรงเรียนสถาบันในประเทศอังกฤษ ซึ่งปกติแล้วหลักสูตรนี้จะใช้เวลาเรียนแค่ 1 ปี ถือว่าดีและเร็วกว่าทางเลือกแรก แต่ก็มีข้อเสียคือมหาวิทยาลัยระดับท็อปๆ มักจะไม่รับเด็กที่จบจาก International Foundation ทำให้เมื่อเรียนหลักสูตรนี้แล้ว เราอาจจะเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ไม่ได้ หรือมีโอกาสน้อยกว่าคนที่จบ A-level มา
นอกเหนือจาก 2 ทางเลือกนี้แล้ว ก็ยังมีทางเลือกอื่นที่น่าสนใจอีกหนึ่งทางที่จะใช้เวลาเรียนแค่ปีเดียวและยังมีโอกาสเข้ามหาวิทยาลัยระดับท็อปในประเทศอังกฤษอย่าง Oxford หรือ Cambridge ได้ ทางเลือกนั้นคือ การสมัครเข้าเรียนโปรแกรม International Foundation ของมหาวิทยาลัย King's College London นั่นเองครับ
หากเรียนจบ International Foundation 1 ปีแล้วจะสามารถเข้าเรียนปริญญาตรีปี 1 ที่ King's College London ได้เลย
โดยมหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยระดับท็อปในประเทศอังกฤษเหมือนกัน และหากไม่อยากเข้าเรียนที่นี่ก็สามารถสมัครมหาวิทยาลัยอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็น Oxford หรือ Cambridge เพราะวุฒิการศึกษาของที่นี่ได้ครับการยอมรับทั่วประเทศ
ข้อดีของการไปเรียนปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษ
- Sandwich Program เป็นจุดเด่นอีกหนึ่งอย่าง เพราะว่ามันเป็นส่วนสำคัญมากในการหางานหลังจากที่จบปริญญาตรีแล้ว น้องๆ ที่เลือกเรียน Sandwich Program จะเข้าไปเรียนปีที่ 1 และ 2 จากนั้นทางมหาวิทยาลัยจะหางานในสายงานให้ทำเป็นเวลา 1 ปี แล้วจึงกลับมาเรียนปีสุดท้าย เพื่อจบการศึกษา ดังนั้นน้องๆ จะได้รับปริญญาตรี หรูๆ มา 1 ใบพร้อมกับประสบการณ์ทำงานอีก 1 ปี
- โอกาสที่จะได้ทำงานหลังจากเรียนจบปริญญาตรีที่อังกฤษแล้วมีมากกว่า เพราะว่าเราได้ภาษาและงานในระดับปริญญาตรี และที่สำคัญปริญญาตรีบางหลักสูตรนักเรียนสามารถเลือกทำ Internship ได้ ดังนั้นเมื่อเราจบมาแล้วเราจะมีทั้งใบปริญญา โก้ๆ และประสบกาณ์ทำงาน
- ภาษาแน่น น้องๆ ที่เรียนจบปริญญาตรี ส่วนใหญ่ภาษาอังกฤษจะดีกว่าน้องที่ไปเรียนปริญญาโทอย่างเดียว สาเหตุน่าจะมาจากการที่ระยะเวลาเรียนถึง 3 ปี ถ้าใครทำ Internship หรือ Sandwich Program ด้วยยิ่งดี เพราะจะได้อยู่ถึง 4 ปี ทำให้ได้ภาษาแน่นแน่นกว่า เพราะปริญญาโทที่อังกฤษส่วนมากจะเรียนแค่ปีเดียว
- ต่อปริญญาโทง่ายขึ้น เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้เราสามารถเรียนต่อในระดับสูงขึ้นได้ง่ายกว่าการจบปริญญาตรีที่ประเทศไทย เพราะด้วยมาตรฐานทางการศึกษาของอังกฤษเป็นที่รู้จัก และยอมรับมากกว่า ถ้าจะไปเรียนปริญญาโทที่ไหนต่อจากนั้นก็ง่ายขึ้น และมีแนวโน้มที่จะได้เกรดี เพระาว่าคุเนเคยกับการเรียนแบบอังกฤษแล้ว
- ผลการเรียนดี มีเวลาปรับตัวมากกว่า น้องๆ ส่วนใหญ่ที่ไปเรียนปริญญา ตรี หรือ โท ที่ต่างประเทศ มักจะทำคะแนนในเทอมแรกได้ไม่ค่อยดี เพราะว่าไม่คุ้นเคยกับระบบการเรียน และภาษายังไม่แข็งแรงพอ ดังนั้นเทอมแรกของปริญญาตรี อาจจะเกรดไม่ค่อยดี แต่ก็มีเวลาอีก 5 เทอม เพื่อทำให้เกรดตอนเราจบออกมาสวยหรู
"น้องๆ คนไหนที่สนใจไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษก็ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดู และอย่าลืมทางเลือก 2 ทางที่พี่ได้แนะนำไป มันคงช่วยน้องๆ ที่สนใจได้ไม่มากก็น้อย และหวังว่าน้องๆ จะไปเรียนต่อปริญญาตรี หรือ โท ที่ประเทศอังกฤษ เพื่อนำความรู้ที่ได้มาพัฒนาประเทศไทยของเราให้ก้าวไปข้างหน้ากว่าทุกวันนี้"