ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ประเทศจีน กำลังกระจายธุรกิจไปทั่วทุกภูมิภาคของโลก ดังที่มีข่าวอยู่บนสื่อต่างๆ มากมาย เกี่ยวกับการเงิน การลงทุน เทคโนโลยีของจีน
ในปี 2016 ที่ผ่านมา ข่าวการขยายและการลงทุนด้านเทคโนโลยีของจีนเข้าครอบครองพื้นที่สื่อต่างๆ ทั้งในประเทศจีนเองและต่างประเทศ นับตั้งแต่ ตีตี (DiDi Chuxing) ยักษ์ใหญ่เบอร์หนึ่งของวงการแท็กซี่ออนไลน์ ในประเทศจีน ควบรวมกิจการอูเบอร์ในจีน (Uber China) บริษัทข้ามชาติระดับโลกในธุรกิจเดียวกัน จนไปถึงการเติบโตของแอปพลิเคชั่นยอดนิยมอย่าง Bike Sharing
หลังจากปรากฏการณ์ดังกล่าว ทำให้เกิดคำถามตามมามากมายว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากบริษัทจีนสามารถสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นบนมือถือและประสบความสำเร็จในระดับโลกออกมา
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์และกลุ่มนักลงทุนต่างจับตามองเทรนด์ใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเงิน หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า FinTech นั่นเอง
นาย Jeremy Peruski กรรมการผู้จัดการจาก Integrated Corporate Relations, Inc เชื่อว่า จีนกำลังจะเป็นจุดศูนย์กลางทางเทคโนโลยีของโลกซึ่งจะค่อยๆ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องดังที่เราเห็นได้จากการเติมโตของธุรกิจจีนในสหรัฐอเมริกา ในขณะเดียวกันกับที่ทางรายงานจาก Earnst & Young ชี้ให้เห็นว่า 40% ของการใช้จ่ายในจีนเป็นการใช้จ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือและแอพพพลิเคชั่นทั้งสิ้น
การเติบโตของนวัตกรรมด้านการเงินและการลงทุนที่มีขึ้นอย่างรวดเร็วของประเทศจีนนั้น อาจเป็นเพราะรัฐบาลจีนให้การสนับสนุนการวางระบบการเงินการลงทุนโดยอ้างอิงจากพฤติกรรมการใช้สื่อ social การซื้อขายและข้อมูลการเงินของแต่ละบุคคล ซึ่งคาดว่าระบบต่างๆจะสมบูรณ์ภายในปี 2020นี้ โดยมีบริษัทจีนยักษ์ใหญ่เข้าร่วมพัฒนาระบบนี้ เช่น Alipay, Sesame Credit เป็นต้น
ส่วนในด้านการลงทุนในปี 2016 ที่ผ่านมา จีนเจริญเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยมีการลงทุนทั้งหมด 207 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดกิจการใหม่และเข้าซื้อกิจการ และในปี 2017 นั้น แนวโน้มการลงทุนจะขยายเติบโตไปเรื่อยๆ ทั้งในยุโรปและอเมริกา
ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของจีนหันมาสนใจความเป็นไปของโลก คิดในระดับโลกและต้องการเริ่มต้นในตลาดทั่วโลกมากกว่าแต่ก่อน จึงเป็นไปได้ว่า ปี2017 ธุรกิจนวัตกรรมและเทคโนโลยีของจีนจะแข่งขันกันอย่างดุเดือดและเติบโตไปทั่วโลกทั้งในยุโรปและอเมริกาอย่างแน่นอน
เมื่อโลกธุรกิจของจีนเกิดการแข่งขันกันอย่างดุเดือดเช่นนี้ การเรียนภาษาจีน หรือการเรียนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับประเทศจีน ในปัจจุบันจึงมีความสำคัญอย่างมาก ผู้ที่มีพื้นฐานหรือทักษะด้านธุรกิจจีนจะได้เปรียบมาก
ปัจจุบันมีชาวจีนเข้ามาลงทุนสร้างธุรกิจในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยปีละไม่ต่ำกว่า 8 ล้านคนต่อปี จึงไม่แปลกที่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในประเทศไทย แทบจะทุกร้านมีภาษาจีนเขียนอธิบายไว้แทบทั้งหมด ส่งผลให้ตลาดแรงงานในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นด้านโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมไปถึงธนาคาร ต้องการบุคลากรที่สามารถสื่อสารเป็นภาษาจีนได้ดี นักเรียนหลายๆคนที่เห็นโอกาสตรงนี้เร็วกว่าคนอื่นๆ เมื่อจบการศึกษาจากระดับชั้นมัธยมศึกษาจึงเลือกศึกษาต่อในสาขาที่เกี่ยวข้องกับภาษาจีน หรือเลือกศึกษาต่อที่ต่างประเทศ เพราะจบมายังไงก็ไม่เดินเตะฝุ่นอย่างแน่นอน
ขอบคุณที่มา: http://www.spu.ac.th/fac/intl/th/content.php?cid=3801