สิ่งที่หลายคนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเรียน "สถาปัตย์"
วันที่เวลาโพส
30 มีนาคม 61 17:40 น.
P' แพว AdmissionPremium
สิ่งที่น้องๆ และหลายคนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับ "การเรียนสถาปัตย์"
1. อยากเข้าสถาปัตย์ เพราะชอบวาดรูป
การวาดรูป แบ่งออกได้เป็นสองแบบ คือ วาดตามใจปารถนา กับ วาดสิ่งที่คิดในหัว ซึ่งสองอย่างนี้ มันช่างแตกต่างกันอย่างมาก การวาดรูปตามอารมณ์นั้น เรียกว่า ศาสตร์แห่ง ‘จิตรกรรม’ ที่เรานึกอยากจะวาดอะไรก็วาด ซึ่งไม่เกี่ยวกับหัวสมองแม้แต่นิดเดียว ส่วนการวาดสิ่งที่คิดในหัวนั้น คือการที่เราเห็นภาพในหัว แล้วต้องการแสดงออกมาให้คนภายนอกเข้าใจ เพราะฉะนั้น ภาพ จะทำหน้าที่สื่อสิ่งที่เราคิดในหัว โดยที่ต้องมีเหตุผล หลักการ และทำให้คนอื่นเข้าใจแบบที่เราต้องการได้ เช่น PAT4 เพราะข้อสอบต้องการจะวัดว่ามีความสามารถในการสื่อสารภาพในหัวได้มากน้อยขนาดไหน ถูก-ส่วนหรือเปล่า ถูกหลักการทักศนียภาพหรือไม่ ซึ่งการวาดรูปอย่างหลังเนี่ย สามารถฝึกกันได้
2. เรียนสถาปัตย์ เพราะชอบวาดการ์ตูน
ถ้ามีความคิดที่จะเป็นนักวาดการ์ตูน แล้วมาเรียนคณะนี้ เป็นการตัดสินใจที่ผิด จริงอยู่ที่สถาปัตยกรรมจำเป็นต้องเข้าใจ-ส่วนของคน แต่เราจะเน้นไปในเรื่องของปฏิสัมพันธ์ของคนกับสิ่งรอบตัว ขนาด และการรับรู้ของมนุษย์ ซึ่งตรงกันข้ามกับนักวาดการ์ตูน ต้องดีไซน์คาแรคเตอร์ให้ดูเก๋ ดูมีดีไซน์ ซึ่งคนละแบบกันเลย ดังนั้น น้องๆ คนไหนที่ชอบการวาดการ์ตูนแอนิเมชั่น ควรจะเบนเข็มไปที่การทำกราฟฟิคหรือแอนิเมชั่นมากกว่า
3. เรียนสถาปัตย์ เพราะชอบถ่ายรูป
เหตุผลที่ทำไมเด็กถาปัตถ่ายภาพสวย อาจจะเป็นเพราะเราจำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานของ จุด เส้น ระนาบ และหลักของภาพและพื้นภาพ ซึ่งเป็นเรื่องทัศนศิลป์ (Visual Art) เบื้องต้น ซึ่งถ้าสนใจการถ่ายภาพจริงๆ ขอแนะนำคณะวิทยาศาสตร์การถ่ายภาพ ซึ่งเป็นคณะที่จะทำให้เราได้เรียนรู้ด้านการถ่ายภาพโดยตรงและเซียนการถ่ายภาพมากกว่าเด็กถาปัตหลายเท่า
4. อยากเข้าถาปัตย์ เพราะดูดี มีอนาคต
อาจะเป็นความคิดที่ผิดไปหน่อยที่ว่า "ไม่รู้จะเรียนอะไร งั้นเลือกเรียนสาขาสถาปัตย์ดีกว่า เพราะอาจหางานง่ายกว่าสาขาอื่น" ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ ไม่ว่าใครเก่งอะไร ทำในสิ่งที่ชอบก็ย่อมมีอนาคตมากกว่าทั้งนั้น ณ ปัจจุบันประมาณคณะสถาปัตย์เงินเดือนเริ่มต้น หมื่นแปดเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้มากมายเหมือนที่เคยได้ยิน ซึ่งเทียบกับปริมาณงานที่หนักและต้องทุ่มทมาก เพราะฉะนั้น อยากให้คิดให้ดี และเลือกสิ่งที่ตัวเองชอบ อย่ากลัว หรือถ้าพ่อแม่พูดก็ให้ลองค่อยๆ คิดและตัดสินใจ ให้เชื่อตัวเอง เพราะสุดท้าย เราเองนี่แหละจะเป็นคนเจอในสิ่งที่เราเลือก
1. อยากเข้าสถาปัตย์ เพราะชอบวาดรูป
การวาดรูป แบ่งออกได้เป็นสองแบบ คือ วาดตามใจปารถนา กับ วาดสิ่งที่คิดในหัว ซึ่งสองอย่างนี้ มันช่างแตกต่างกันอย่างมาก การวาดรูปตามอารมณ์นั้น เรียกว่า ศาสตร์แห่ง ‘จิตรกรรม’ ที่เรานึกอยากจะวาดอะไรก็วาด ซึ่งไม่เกี่ยวกับหัวสมองแม้แต่นิดเดียว ส่วนการวาดสิ่งที่คิดในหัวนั้น คือการที่เราเห็นภาพในหัว แล้วต้องการแสดงออกมาให้คนภายนอกเข้าใจ เพราะฉะนั้น ภาพ จะทำหน้าที่สื่อสิ่งที่เราคิดในหัว โดยที่ต้องมีเหตุผล หลักการ และทำให้คนอื่นเข้าใจแบบที่เราต้องการได้ เช่น PAT4 เพราะข้อสอบต้องการจะวัดว่ามีความสามารถในการสื่อสารภาพในหัวได้มากน้อยขนาดไหน ถูก-ส่วนหรือเปล่า ถูกหลักการทักศนียภาพหรือไม่ ซึ่งการวาดรูปอย่างหลังเนี่ย สามารถฝึกกันได้
2. เรียนสถาปัตย์ เพราะชอบวาดการ์ตูน
ถ้ามีความคิดที่จะเป็นนักวาดการ์ตูน แล้วมาเรียนคณะนี้ เป็นการตัดสินใจที่ผิด จริงอยู่ที่สถาปัตยกรรมจำเป็นต้องเข้าใจ-ส่วนของคน แต่เราจะเน้นไปในเรื่องของปฏิสัมพันธ์ของคนกับสิ่งรอบตัว ขนาด และการรับรู้ของมนุษย์ ซึ่งตรงกันข้ามกับนักวาดการ์ตูน ต้องดีไซน์คาแรคเตอร์ให้ดูเก๋ ดูมีดีไซน์ ซึ่งคนละแบบกันเลย ดังนั้น น้องๆ คนไหนที่ชอบการวาดการ์ตูนแอนิเมชั่น ควรจะเบนเข็มไปที่การทำกราฟฟิคหรือแอนิเมชั่นมากกว่า
3. เรียนสถาปัตย์ เพราะชอบถ่ายรูป
เหตุผลที่ทำไมเด็กถาปัตถ่ายภาพสวย อาจจะเป็นเพราะเราจำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานของ จุด เส้น ระนาบ และหลักของภาพและพื้นภาพ ซึ่งเป็นเรื่องทัศนศิลป์ (Visual Art) เบื้องต้น ซึ่งถ้าสนใจการถ่ายภาพจริงๆ ขอแนะนำคณะวิทยาศาสตร์การถ่ายภาพ ซึ่งเป็นคณะที่จะทำให้เราได้เรียนรู้ด้านการถ่ายภาพโดยตรงและเซียนการถ่ายภาพมากกว่าเด็กถาปัตหลายเท่า
4. อยากเข้าถาปัตย์ เพราะดูดี มีอนาคต
อาจะเป็นความคิดที่ผิดไปหน่อยที่ว่า "ไม่รู้จะเรียนอะไร งั้นเลือกเรียนสาขาสถาปัตย์ดีกว่า เพราะอาจหางานง่ายกว่าสาขาอื่น" ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ ไม่ว่าใครเก่งอะไร ทำในสิ่งที่ชอบก็ย่อมมีอนาคตมากกว่าทั้งนั้น ณ ปัจจุบันประมาณคณะสถาปัตย์เงินเดือนเริ่มต้น หมื่นแปดเท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้มากมายเหมือนที่เคยได้ยิน ซึ่งเทียบกับปริมาณงานที่หนักและต้องทุ่มทมาก เพราะฉะนั้น อยากให้คิดให้ดี และเลือกสิ่งที่ตัวเองชอบ อย่ากลัว หรือถ้าพ่อแม่พูดก็ให้ลองค่อยๆ คิดและตัดสินใจ ให้เชื่อตัวเอง เพราะสุดท้าย เราเองนี่แหละจะเป็นคนเจอในสิ่งที่เราเลือก
