หลังจากเป็นข่าวโด่งดังในกระแสสังคมมาพักใหญ่ๆ จากเหตุการณ์พนักงานสายการบินใช้กำลังบังคับลากตัวผู้โดยสารลงจากเครื่อง ซึ่งดูโหดร้ายไร้มนุษยธรรม เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ สายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลนส์ ต้องเผชิญกับวิกฤติภาพลักษณ์ตกต่ำอย่างหนักมากว่าสองสัปดาห์ รวมไปถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน ซึ่งเห็นได้ชัดจากหุ้นที่ร่วงดิ่งลงเรื่อยๆ
ล่าสุด
สายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลนส์ ตัดสินใจออกนโยบาย
ให้ค่าตอบแทนผู้บริหารโดยพิจารณาจากระดับความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ ทางสายการบินแถลงถึงนโยบายใหม่ดังกล่าวในรายงานที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ โดยระบุว่า
"ฝ่ายบริหารและคณะกรรมการของยูไนเต็ด แอร์ไลนส์ ถือว่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างยิ่ง และกำลังดำเนินขั้นตอนพัฒนาแผนการชดเชย ซึ่งออกแบบให้สิทธิประโยชน์ของพนักงานบริหารในปี 2017ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าในการปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้าโดยตรง"
รายงานดังกล่าวยังระบุถึงสัญญาจ้างที่ทางสายการบินทำไว้กับ นายออสการ์ มูนอซ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้มีการเปลี่ยนแปลง โดยเขาจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทยูไนเต็ด คอนทิเนนทัล โฮลดิงส์ ในปี 2018 ตามที่เคยตกลงกันไว้ โดยทางบริษัทระบุว่า นายมูนอซ ซึ่งได้ค่าตอบแทน 18.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นผู้เสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงนี้เอง
ก่อนหน้านี้นายมูนอซ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักและถูกเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง หลังเขาออกมาแถลงปกป้องการใช้กำลังบังคับลากตัวนายแพทย์เดวิด ด๋าว ลงจากเครื่องบิน โดยอ้างว่านายแพทย์ด๋าวโวยวายขัดขวางเจ้าหน้าที่ จนในภายหลังนายมูนอซต้องออกมาขออภัยและกล่าวว่ารู้สึกอับอายต่อเหตุดังกล่าวอย่างยิ่ง ซึ่งเขาให้สัญญาว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก
ทั้งนี้ สายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลนส์ มีกำหนดจะต้องเข้าให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาสหรัฐฯ ถึงเหตุใช้กำลังบังคับผู้โดยสารลงจากเครื่องในวันศุกร์ที่ 21 เมษายน แต่ทางสายการบินได้ขอเลื่อนการให้ปากคำออกไปเป็นสัปดาห์หน้า
ที่มา : www.bbc.com