อัตราเงินเดือน/โบนัสจะเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.5 ในปี 2561
วันที่เวลาโพส
03 สิงหาคม 61 15:41 น.
P' แพว AdmissionPremium
อัตราเงินเดือนในไทยจะปรับขึ้น ร้อยละ 5.5 ในปี 2561
บริษัท วิลลิส ทาวเวอร์ส วัทสัน (ประเทศไทย) จำกัด ที่ปรึกษาด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล โบรกเกอร์ และโซลูชั่นส์ชั้นนำระดับโลก เผยผลสำรวจ การวางแผนจัดสรรงบประมาณเงินเดือนในเอเชียแปซิฟิก ปี 2560 - ไตรมาส 3 ซึ่งคาดว่า อัตราเงินเดือนในไทยจะปรับขึ้น ร้อยละ 5.5 ในปี 2561 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2560 ซึ่งที่อยู่ร้อยละ 5.2
จากปัจจัยเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างช้าๆ เทียบตลาดสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การปรับเงินเดือนของไทยอยู่ในระดับกลาง ขณะที่อินเดีย ศรีลังกา และอินโดนีเซีย ปรับเพิ่มมากที่สุด และญี่ปุ่น ปรับเพิ่มเงินเดือนน้อยที่สุด
การปรับเงินเดือน/โบนัส ของกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ช่วงปี 2559-2561
การปรับเงินเดือนในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ มีแนวโน้มใกล้เคียงกัน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง ขึ้นเงินเดือนต่ำสุดจากทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ที่ร้อยละ 4 ในปี 2560 และคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 5 ในปี 2561 ส่วนกลุ่มประกันชีวิตปี 2560 อยู่ที่ร้อยละ 5.9 เป็นอัตราการขึ้นเงินเดือนมากที่สุดจากทุกกลุ่ม แต่ลดลงจากปี 2559 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 6.0 และในปี 2561 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 5.5 เป็นอัตราที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของโบนัสแต่ละกลุ่มในอุตสาหกรรมไทยขณะที่โบนัส ปี 2560 กลุ่มบริหารสินทรัพย์ จ่ายโบนัสสูงสุดเฉลี่ย 5.5 เดือน กลุ่มผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และกลุ่มประกันภัย จ่ายต่ำสุด เฉลี่ย 1.8 เดือน ส่วนอัตราค่าจ้างผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรี เริ่มต้น 15,00 บาท ปริญญาโท เริ่มที่ 20,500 บาท โดยวิชาชีพที่มีอัตราค่าจ้างสูงแม้เพิ่งจบการศึกษา ได้แก่ สาขาวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ การเงินและบัญชี กฎหมาย และทรัพยากรบุคคล
ผลสำรวจ วิสลิส ทาวเวอร์ส วัทสัน บอกเพิ่มอีกว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า รูปแบบสวัสดิการจะเปลี่ยนไปเพื่อให้ตรงตามความต้องการที่แตกต่างกันของพนักงานแต่ละกลุ่ม เช่น แผนสวัสดิการเพื่อครอบครัว ดูแลบุตรหรือ Childcare สวัสดิการซื้อ-ขายวันลาหยุด สวัสดิการเพื่อสภาวะทางการเงิน และสวัสดิการเพื่อสุขภาพความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน
สำหรับแนวโน้มในอนาคตระยะสั้นมองว่า อุตสาหกรรมที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐน่าจะขยายตัวดี มีผลต่อการจ้างงานและผลประกอบการ ส่วนระยะยาว เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จะมีบทบาทมากขึ้น สถานะการจ้างงานจะเปลี่ยนไป เป็นลักษณะพาร์ทไทม์ ฟรีแลนซ์ หรือพาร์ทเนอร์ชิป มากขึ้นร้อยละ 20-30 โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการเงินและธนาคาร (Banking and Financial Service)
ที่มา :
voicetv.co.th
บริษัท วิลลิส ทาวเวอร์ส วัทสัน (ประเทศไทย) จำกัด ที่ปรึกษาด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล โบรกเกอร์ และโซลูชั่นส์ชั้นนำระดับโลก เผยผลสำรวจ การวางแผนจัดสรรงบประมาณเงินเดือนในเอเชียแปซิฟิก ปี 2560 - ไตรมาส 3 ซึ่งคาดว่า อัตราเงินเดือนในไทยจะปรับขึ้น ร้อยละ 5.5 ในปี 2561 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2560 ซึ่งที่อยู่ร้อยละ 5.2
จากปัจจัยเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างช้าๆ เทียบตลาดสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การปรับเงินเดือนของไทยอยู่ในระดับกลาง ขณะที่อินเดีย ศรีลังกา และอินโดนีเซีย ปรับเพิ่มมากที่สุด และญี่ปุ่น ปรับเพิ่มเงินเดือนน้อยที่สุด
การปรับเงินเดือน/โบนัส ของกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ช่วงปี 2559-2561
การปรับเงินเดือนในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ มีแนวโน้มใกล้เคียงกัน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง ขึ้นเงินเดือนต่ำสุดจากทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ที่ร้อยละ 4 ในปี 2560 และคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 5 ในปี 2561 ส่วนกลุ่มประกันชีวิตปี 2560 อยู่ที่ร้อยละ 5.9 เป็นอัตราการขึ้นเงินเดือนมากที่สุดจากทุกกลุ่ม แต่ลดลงจากปี 2559 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 6.0 และในปี 2561 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 5.5 เป็นอัตราที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของโบนัสแต่ละกลุ่มในอุตสาหกรรมไทยขณะที่โบนัส ปี 2560 กลุ่มบริหารสินทรัพย์ จ่ายโบนัสสูงสุดเฉลี่ย 5.5 เดือน กลุ่มผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และกลุ่มประกันภัย จ่ายต่ำสุด เฉลี่ย 1.8 เดือน ส่วนอัตราค่าจ้างผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรี เริ่มต้น 15,00 บาท ปริญญาโท เริ่มที่ 20,500 บาท โดยวิชาชีพที่มีอัตราค่าจ้างสูงแม้เพิ่งจบการศึกษา ได้แก่ สาขาวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ การเงินและบัญชี กฎหมาย และทรัพยากรบุคคล
ผลสำรวจ วิสลิส ทาวเวอร์ส วัทสัน บอกเพิ่มอีกว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า รูปแบบสวัสดิการจะเปลี่ยนไปเพื่อให้ตรงตามความต้องการที่แตกต่างกันของพนักงานแต่ละกลุ่ม เช่น แผนสวัสดิการเพื่อครอบครัว ดูแลบุตรหรือ Childcare สวัสดิการซื้อ-ขายวันลาหยุด สวัสดิการเพื่อสภาวะทางการเงิน และสวัสดิการเพื่อสุขภาพความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน
สำหรับแนวโน้มในอนาคตระยะสั้นมองว่า อุตสาหกรรมที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐน่าจะขยายตัวดี มีผลต่อการจ้างงานและผลประกอบการ ส่วนระยะยาว เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จะมีบทบาทมากขึ้น สถานะการจ้างงานจะเปลี่ยนไป เป็นลักษณะพาร์ทไทม์ ฟรีแลนซ์ หรือพาร์ทเนอร์ชิป มากขึ้นร้อยละ 20-30 โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการเงินและธนาคาร (Banking and Financial Service)
ที่มา :
voicetv.co.th
